ทักษิณ ชินวัตร บุคคลต้องห้าม ขาดคุณสมบัติสมาชิกเพื่อไทย

นายทักษิณ ชินวัตร ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ไม่สามารถช่วย แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำกิจกรรมทางการเมือง

วันที่ 28 มีนาคม 2567 หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยวานนี้ มีนักการเมืองและสมาชิกพรรค คนเสื้อแดงจำนวนมากให้การต้อนรับ และต้องการให้นายทักษิณช่วยงานการเมืองพรรคเพื่อไทยด้านต่าง ๆ

เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม

แต่นายทักษิณไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะมีกฎหมายเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งสมาชิกพรรคการเมืองตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ในหมวด 1 ว่าด้วยการจัดตั้งพรรคการเมือง มาตรา 9 กำหนดเกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่มีคุณสมบัติและต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม

มีคุณสมบัติที่สมาชิกพรรค เกี่ยวเนื่องกันกับหมวด 2 ว่าด้วย “การดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง” ในมาตรา 24 กำหนดคุณสมบัติของสมาชิกพรรคการเมืองต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกำหนดในข้อบังคับพรรค

ขาดคุณสมบัติตาม รธน.-พ.ร.ป. และข้อบังคับพรรค

นายทักษิณยังขาดคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทยข้อ 12 คือเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก ไม่สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้

ทั้งนี้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 24 (2) กำหนดคุณสมบัติบุคคลที่จะเป็นสมาชิกพรรคไว้ต้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 98 (1) (2) (4) (5) (6) (7) (8) (9) (11) (14) (16) (17) หรือ (18) ของรัฐธรรมนูญ

โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 98 ระบุว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้

(1) ติดยาเสพติดให้โทษ

(2) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

(3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ

(4) เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 96 (1) (2) หรือ (4)

(5) อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

(6) ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล

(7) เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

(8) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

(9) เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

(10) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน

(11) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง

(12) เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง

(13) เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

(14) เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดลงยังไม่เกินสองปี

(15) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจหรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ

(16) เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

(17) อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

(18) เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุตามมาตรา 144 หรือมาตรา 235 วรรค 3

โทษจำคุกของทักษิณ

ทักษิณ ชินวัตร เคยรับโทษจำคุก ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง 3 คดี ดังนี้

  1.  คดีสั่งการให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ คดีหมายเลขดําที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 จำคุก 3 ปี
  2. คดีหวยบนดิน คดีหมายเลขดําที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 จำคุก 2 ปี
  3. คดีแก้สัมปทานเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป คดีหมายเลขดําที่ อม. 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 จำคุก 5 ปี

โดยศาลให้นับโทษจําคุก ต่อจากโทษจําคุกของจําเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 และต่อจากโทษจําคุกของจําเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ซึ่งศาลออกหมายจําคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในแต่ละคดีแล้ว และได้รับโทษจำคุกรวมระยะเวลา 8 ปี

ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ เหลือโทษจำคุก 1 ปี ได้รับการพักโทษเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 ตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป และได้รับโทษมาแล้ว 6 เดือน

โดยสรุป นายทักษิณจึงขาดคุณสมบัติในการสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้  เป็นไปตามนัยแห่งมาตรา 98 ของรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติไว้ใน (9) เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก เพราะกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

และเป็นไปตามมาตรา 98 (7) เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 10 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

ความหวังของเหล่าสมาชิกและแฟนคลับพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการให้นายทักษิณกลับคืนสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว ในฐานะสมาชิกคนหนึ่ง จึงเป็นไปไม่ได้ด้วยประการฉะนี้

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทักษิณ ชินวัตร บุคคลต้องห้าม ขาดคุณสมบัติสมาชิกเพื่อไทย

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

– Website : https://www.prachachat.net

2024-03-28T08:29:48Z dg43tfdfdgfd