นักวิชาการฯ ส่องช่องโหว่! วัดถูกใช้เป็นสถานที่ฟอกเงิน?

จากกรณีมีการออกมาแฉขบวนการส่วยที่เชื่อมโยงวงการสีกากี และยังมีความเชื่อมโยงในการโอนเงินทำบุญกับวัดบางแห่งด้วยนั้น

ล่าสุด นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา อธิบายถึงความเสี่ยงของวัดกับการถูกใช้เป็นสถานที่ฟอกเงิน เห็นได้จากหลายคดีในอดีตเช่น คดีวัดพระธรรมกาย และคดีเงินทอนวัด ที่เคยดำเนินคดีไปแล้วนั้น ช่องโหว่สำคัญที่ทำให้ถูกหยิบฉวยใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน

โดยมีตั้งแต่การหละหลวมในการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ของวัดบางวัดไม่ยอมส่งงบการเงินให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ การโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวบุคคลธรรมดา แทนที่จะเป็นบัญชีเพื่อการกุศล ซึ่งการฟอกเงินผ่านวัดส่วนใหญ่แล้ว มักจะเป็นการแปรเปลี่ยนทรัพย์สินหนึ่ง ไปเป็นทรัพย์สินหนึ่ง เช่น ทองคำที่ใช้งานพุทธาพิเศกวัตถุมงคล หรือ ทองคำที่ใช้ในงานฝังลูกนิมิตร สิ่งปลูกสร้างภายในวัด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังคงต้องตรวจสอบว่า ที่มาของทรัพย์เหล่านั้นเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่

นายจตุรงค์ อธิบายเพิ่มว่า ตามหลักการแล้วเมื่อมีการพิจารณาคดีที่เดี่ยวกับฟอกเงินผ่านวัดนั้น สุดท้ายก็จะดูที่เจตนาเป็นหลัก ว่ามีเจตนาในการฟอกเงินหรือไม่ หากมีบัญชีรายรับรายจ่ายชัดเจน ระบุที่มาที่ไปของเงินได้ และบัญชีธนาคารเป็นบัญชีวัดเพื่อการกุศล ส่วนใหญ่มักจะรอด

ส่วนกรณีศึกตำรวจแล้วมีการโยงถึงเงินบริจาควัด ที่ได้มาจากบัญชีม้านั้น และจะถูกเอี่ยวว่า เป็นการฟอกเงินนั้น นายจตุรงค์ ระบุว่า คงไม่แฟร์กับศาสนา ถ้าหากต้องโดนหางเลขไปด้วย หากไม่มีเจตนา และไม่รู้ว่า เงินบริจาคที่ญาติโยมถวายนั้นเป็นเงินที่ถูกกฎหมายหรือไม่ เพราะญาติโยมถวายเงินก็มีความน่าเชื่อถือ

โดยเฉพาะในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมาสังเกตว่า บิ๊กตำรวจหลายคนพยายามจะมีตัวตนกับวัด เช่น ถวายปัจจัย เป็นประธานในงานพิธีต่างๆ แต่จะมีใครกล้าหรือไม่ ที่จะไปตรวจสอบว่า ที่มาที่ไปของเงินบิ๊กตำรวจที่นำมาบริจาคให้กับวัด

นายจตุรงค์ ยังมองปรากฎการณ์ที่บิ๊กตำรวจมักจะเข้าหาพระว่า เพราะเป็นอาชีพที่ต้องวิ่ง ต้องขอเหมือนกัน และพระมีคอนเนคชั่นเยอะ ใกล้ชิดกับคีย์แมนคนสำคัญของประเทศ เพราะฉะนั้นการเลือกคบพระ ก็ถือว่า เป็นประโยชน์กับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ยิ่งคบหาพระชั้นผู้ใหญ่มากเท่าไหร่ การแลกเปลี่ยนข้อมูล การถ่ายเทอำนาจ การช่วยเหลือตามคอนเนคชั่นก็จะเกิด ตามน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า

2024-03-29T12:56:30Z dg43tfdfdgfd