รัสเซีย รุกคืบหนักทางภาคตะวันออกใกล้อัฟดีฟกา

สิ่งหนึ่งที่ต้องจับตาอย่างมากคือ ก่อนที่อาวุธและกระสุนจะถูกส่งมาถึงที่แนวรบ ยูเครนจะสามารถตั้งรับป้องกันการรุกคืบของรัสเซียไว้ได้หรือไม่

 มีการคาดการณ์ว่ากองทัพรัสเซียจะฉวยโอกาสช่วงที่ยูเครนยังไม่ได้รับอาวุธเพิ่มเติมเพื่อฝ่าแนวป้องกันและรุกคืบเข้าไปในแคว้นโดเนตสก์ทางภาคตะวันออกของยูเครนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ล่าสุดมีรายงานว่า กองทัพรัสเซียสามารถยึดหมู่บ้านจำนวนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองอัฟดีฟกาได้

สหรัฐฯผ่านงบช่วยยูเครน หลังติดขัดหลายเดือน

ฉากชีวิต 2 ปี สงครามรัสเซีย - ยูเครน ยังไร้หนทางยุติ

สำนักข่าวเดอะ การ์เดียน รายงานว่า กองทัพรัสเซียสามารถยึดครองหมู่บ้าน ‘โซโลฟโยเวีย’ และ ‘โนโวคาลีโนเวีย’ ในแคว้นโดเนตสก์ทางภาคตะวันออกของยูเครนได้แล้ว สองหมู่บ้านนี้มีที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณหมู่บ้าน ‘โอเชเรตือนี’ หมู่บ้านที่อยู่ห่างจากเมืองอัฟดีฟกาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 15 กิโลเมตร

นับตั้งแต่กองทัพยูเครนสั่งถอนทหารจนรัสเซียสามารถเข้ายึดครองอัฟดีฟกาได้เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริเวณนี้คือแนวรบที่ทหารรัสเซียสามารถรุกคืบได้อย่างต่อเนื่องและถือเป็นแนวรบที่ดุเดือดที่สุดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานว่า ทหารรัสเซียสามารถเคลื่อนพลเข้าไปในเขตแดนของหมู่บ้านโอเชเรตือนี ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่เมืองศูนย์กลางทางการทหารได้แล้ว

 นาซาร์ โวโลชิน โฆษกประจำหน่วย ‘คอร์ติตเซีย’ หน่วยรบประจำภูมิภาคของกองทัพบกยูเครนเปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารรัสเซียและทหารยูเครนที่โอเชเรตือนีตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าเป็นไปอย่างหนักหน่วงโดยกองทัพยูเครนยังสามารถควบคุมพื้นที่ 2 ใน 3 ของหมู่บ้านแห่งนี้ไว้ได้

อย่างไรก็ตาม การที่กองทัพรัสเซียรุกคืบและยึดครองหมู่บ้านโซโลฟโยเวียและโนโวคาลีโนเวียใกล้ๆ กันได้ หมายความว่ารัสเซียสามารถขยายพื้นที่ต่อจากหมู่บ้านโอเชเรตือนีที่เป็นเพียงแค่ระเบียงแคบๆ ให้กว้างขึ้นได้ และทำให้กองทัพรัสเซียสามารถหลีกเลี่ยงการฝ่าแนวป้องกันและเครือข่ายสนามเพลาะที่กองทัพยูเครนเพิ่งสร้างไว้ เพื่อไม่ให้ทหารรัสเซียรุกคืบเข้าไปในแคว้นโดเนตสก์ได้

 การรุกคืบเข้ามายังบริเวณหมู่บ้านโอเชเรตือนี โซโลฟโยเวียและโนโวคาลีโนเวีย ทำให้ขณะนี้กองทัพรัสเซียอยู่ห่างจากเมือง ‘โปครอฟสก์’ หนึ่งในเมืองสำคัญในแคว้นโดเนตสก์ที่เป็นป้อมปราการหลักสำหรับผลัดเปลี่ยนกำลังพลและอาวุธไปเพียงราว 30 กิโลเมตรเท่านั้น กองทัพรัสเซียจะสามารถใช้ถนนหมายเลข T0511 เพื่อมุ่งหน้าไปยังโปครอฟสก์ได้ ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า ที่นี่คือเป้าหมายต่อไปของกองทัพรัสเซีย

นอกจากจะมีรายงานว่ารัสเซียสามารถยึดครองหมู่บ้านบางส่วนเพิ่มได้แล้ว เมื่อวานนี้ พลเอกโอเล็กซานเดอร์ ซูร์สกี ผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพยูเครนเปิดเผยว่า ได้สั่งถอนทหารออกจากหมู่บ้านสามแห่ง ซึ่งมีที่ตั้งห่างไปไม่ไกลจากทางตอนใต้ของหมู่บ้านโอเชเรตือนี  นั่นคือ หมู่บ้านเบอร์ดือชี หมู่บ้านเซเมนีฟกา และหมู่บ้านโนโวมิไคลีฟกา โดยสั่งให้ทหารยูเครนถอยร่นออกมาทางตะวันตกเพื่อรักษาชีวิตกำลังพล

 ผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพยูเครน ยังระบุเกี่ยวกับภาพรวมของสถานการณ์สู้รบในแนวรบบริเวณโอเชเรตือนี-โปครอฟสก์ โดยระบุว่าเป็นไปอย่างยากลำบาก และอาจเป็นหนึ่งในแนวรบที่เผชิญความยากลำบากที่สุดในขณะนี้

 ผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพยูเครนคาดว่า รัสเซียอาจส่งทหาร 4 กองพัน หรือประมาณ  8,000-32,000 นาย เข้าบุกจู่โจมทางแนวรบนี้ รวมถึงอีกเขตที่มีชื่อว่า ‘คูราโคเวีย’ ซึ่งอยู่ทางใต้ถัดลงมาจากเมืองโปครอฟสก์

 นอกจากแนวรบบริเวณโอเชเรตือนี-โปครอฟสก์  อีกแนวรบหนึ่งที่มีรายงานการสู้รบอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาคือที่เมืองชาซีฟ ยาร์ ในแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งมีที่ตั้งห่างจากเมืองบัคมุตที่ตกอยู่ในการยึดครองของรัสเซียไปทางตะวันตกประมาณ 10 กิโลเมตร

 และเป็นเส้นทางไปสู่เมืองต่างๆ ที่เป็นแนวป้องกันหลักทางภาคตะวันออกของยูเครน นั่นก็คือ สลาเวียนสก์ ครามาทอร์สก์ ดรุชคีฟกา และคอสเตียนติเนียฟกา โดยสถาบันเพื่อการศึกษาสงครามหรือ ISW ประเมินจากแนวทางการรุกคืบของรัสเซียในขณะนี้ว่า  มีโอกาสสูงที่รัสเซียจะมีแผนเตรียมปิดล้อมสลาเวียนสก์และครามาทอร์สก์ให้ได้ในปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ในช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะถึงนี้

หากประเมินภาพรวมของสถานการณ์ที่แนวรบทางภาคตะวันออก กล่าวได้ว่ายูเครนยังคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กองทัพรัสเซียเร่งบุกโจมตีและยึดพื้นที่อย่างต่อเนื่อง คำถามคือ การเสียพื้นที่ของยูเครนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ถือเป็นการพ่ายแพ้ที่มีนัยสำคัญทางยุทธศาสตร์หรือไม่ หรือเป็นเพียงการเสียเปรียบระยะสั้นเท่านั้น

นักวิเคราะห์ด้านการทหารหลายรายประเมินว่า สาเหตุที่รัสเซียพยายามเร่งรุกคืบในหลายจุดของแนวรบทางภาคตะวันออกในขณะนี้ เนื่องจากต้องการฉวยโอกาสจากช่วงเวลาที่ยูเครนยังไม่ได้รับอาวุธและกระสุนปืนใหญ่จากสหรัฐฯ และใช้ความได้เปรียบในด้านอาวุธและกำลังพล เพื่อยึดพื้นที่ทางภาคตะวันออกของยูเครนเพิ่ม 

 สถาบันเพื่อการศึกษาสงครามประเมินว่า รัสเซียมีแนวโน้มที่จะสามารถยึดครองพื้นที่จากยูเครนเพิ่มได้อีกในช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ก่อนอาวุธจากสหรัฐฯ จะมาถึงที่แนวรบ อย่างไรก็ตาม คาดว่านี่จะเป็นเพียงการเสียเปรียบระยะสั้นเท่านั้น โดยที่กองทัพยูเครนยังสามารถตรึงแนวป้องหลักกันไว้ได้

 ส่วนกระสุนปืนใหญ่และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศจัดส่งให้แก่ยูเครนทันทีภายในไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามอนุมัติงบประมาณความช่วยเหลือทางการทหารที่ติดขัดในสภาคองเกรสมาเป็นเวลาร่วม 6 เดือน

 เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายความมั่นคงของยูเครนที่ไม่เปิดเผยตัวตนระบุกับสำนักข่าวเดอะ การ์เดียนว่า ที่จริงแล้วอาวุธเหล่านี้น่าจะส่งมาถึงที่แนวรบภายใน 1 หรือ 2 เดือน ขณะที่กระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร ที่ยูเครนขาดแคลนมาเป็นเวลานานอาจใช้เวลาน้อยกว่านั้น

สถานการณ์ในแนวรบที่ไม่สู้ดีนักทำให้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนกล่าวเกี่ยวกับอาวุธที่ยังถูกส่งมาไม่ถึงยูเครนในระหว่างการแถลงประจำวันช่วงค่ำ โดยระบุว่า ยูเครนยังคงรออาวุธต่างๆ ที่ชาติพันธมิตรจัดส่งให้ โดยหวังว่าจะได้รับในจำนวนและประเภทที่เพียงพอที่จะช่วยให้สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่แนวรบให้ฝ่ายยูเครนได้เปรียบมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยประคองสถานการณ์ไม่ให้ย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมเท่านั้น

 อีกสิ่งที่ผู้นำยูเครนเรียกร้องคือ ระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่รัสเซียมุ่งโจมตีทางอากาศต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและที่อยู่อาศัยของพลเรือนอย่างต่อเนื่อง

นอกจากสงครามในยูเครน อีกประเทศที่เคยถูกรัสเซียยกกำลังพลเข้าไปทำสงครามและเผชิญกับการขยายอิทธิพลของรัสเซีย อย่างจอร์เจีย ก็กำลังเผชิญกับการประท้วง

ประชาชนชาวจอร์เจียหลายพันคนได้ออกมาเดินขบวนประท้วงบริเวณหน้ารัฐสภาในกรุงทบิลิซี เมืองหลวงของประเทศจอร์เจียผู้เข้าร่วมการประท้วงต่างถือธงชาติลายกางเขนสีขาว-แดงและธงสหภาพยุโรป พร้อมถือป้ายผ้าข้อความขนาดใหญ่ที่ระบุว่า “YES - EUROPE”

การประท้วงที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐสภาจอร์เจียผ่านร่างกฎหมายที่รู้จักกันในนาม ‘กฎหมายตัวแทนต่างชาติ’ หรือ Foreign Agent Bill ในวาระการพิจารณาแรกจากทั้งหมดสามวาระ

 นี่เป็นร่างกฎหมายที่รัฐบาลจอร์เจียหยิบยกกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เคยพยายามผ่านร่างฉบับนี้ไปเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ก่อนที่จะถูกบีบให้ต้องยกเลิกไปเนื่องจากเผชิญการประท้วงครั้งใหญ่                                                                                              

ส่วนสาเหตุที่ประชาชนหลายพันคนออกมาชุมนุมประท้วงกฎหมายฉบับนี้  เนื่องจากสาระสำคัญของกฎหมายกำหนดให้องค์กรในประเทศที่ได้รับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศเกินกว่าร้อยละ 20 ของเงินทุนสนับสนุนทั้งหมดต้องขึ้นทะเบียนหรือเข้าข่ายเป็น “ตัวแทนต่างชาติ” และองค์กรดังกล่าวจะต้องถูกตรวจสอบเป็นพิเศษจากกระทรวงยุติธรรม ไม่เช่นนั้นจะมีโทษหนักถึงขั้นจำคุก

 โดยองค์กรที่ตกเป็นเป้าคือ องค์กรประชาสังคมรวมถึงสื่อมวลชนอิสระที่ได้รับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนมากเป็นมักจะเป็นองค์กรของชาติตะวันตกอย่างสหรัฐฯ และยุโรป หลายฝ่ายจึงวิพากษ์วิจารณ์ว่า กฎหมายนี้เป็นไปเพื่อควบคุมหรือปิดปากองค์กรที่เป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน ไม่ต่างไปจากกฎหมายที่รัฐบาลรัสเซียออกมาเพื่อบังคับใช้กับกลุ่มประชาสังคมและสื่อมวลชนเมื่อปี 2012 ซึ่งมีผลทำให้องค์กรและสื่ออิสระเกือบทั้งหมดในรัสเซียต้องปิดตัวลง

 ยิ่งไปกว่านั้น หากกฎหมายฉบับนี้ออกมาได้สำเร็จ โอกาสที่จอร์เจียจะสามารถเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปจะลดลงด้วย เนื่องจากกระทบต่อเสรีภาพและความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการเข้าเป็นสมาชิกอียู

 ผู้ประท้วงรายหนึ่งระบุว่า การออกมาประท้วงกฎหมายตัวแทนต่างชาติ จึงเป็นการแสดงเจตจำนงของชาวจอร์เจียว่า ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของยุโรปในอนาคต ไม่ใช่รัสเซีย

รัฐสภาจอร์เจียจะพิจารณาร่างกฎหมายตัวแทนต่างชาติในวาระที่สองในวันอังคารที่จะถึงนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยฝ่ายค้านในรัฐสภาและภาคประชาสังคมได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนร่วมออกมาประท้วงร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว

2024-04-29T14:13:18Z dg43tfdfdgfd