เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ถูกยิงดับ 4 นาย ขณะพยายามคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ
เมื่อวันที่ 29 เม.ย. เกิดเหตุดวลปืนระหว่างเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและผู้ต้องหาที่บ้านหลังหนึ่งในเมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐฯ เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตถึง 4 นาย บาดเจ็บอีก 4 นาย ส่วนผู้ต้องหาถูกวิสามัญฯ เสียชีวิต
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานร่วมกันพยายามคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับคดีครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย แต่กลับถูกยิงใส่ ทำให้เกิดการยิงต่อสู้กัน
จอห์นนี เจนนิงส์ หัวหน้าตำรวจชาร์ลอตต์-เม็กเลนเบิร์ก รายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจของสหรัฐฯ ถูกผู้ต้องหาตามหมายจับยิงเข้าใส่ขณะเข้าใกล้ตัวบ้าน จึงเกิดการยิงต่อสู้จนผู้ต้องหาถูกวิสามัญฯ ที่สนามหน้าบ้าน จากนั้น คนร้ายคนที่สองก็ยิงใส่เจ้าหน้าที่จากในบ้านด้วยปืนไรเฟิลพลังสูง
เจนนิงส์เสริมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนที่รีบไปยังชาร์ลอตต์เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บระลอกแรกถูกยิงได้รับบาดเจ็บด้วยจากฝีมือมือปืนรายที่สอง
เจนนิงส์กล่าวว่า “วันนี้เราสูญเสียฮีโร่บางคนที่ออกไปเพียงเพื่อพยายามรักษาชุมชนของเราให้ปลอดภัย”
หลังจากการเผชิญหน้ากันนาน 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้รถหุ้มเกราะพุ่งเข้าชนตัวบ้าน ทำให้หน้าต่างและประตูพังเสียหายทั้งหมด รวมถึงยังมีรถหุ้มเกราะอีกหลายคันจอดคุมเชิงอยู่ในบริเวณสนามหน้าบ้าน
เมื่อเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่พบผู้หญิงและชายอายุ 17 ปีอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว และทั้งสองกำลังถูกสอบสวน
สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ถูกยิงเสียชีวิต มาจากชุดเฉพาะกิจ 1 นาย จากกรมราชทัณฑ์ 2 นาย และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชาร์ลอตต์-เม็กเลนเบิร์กอีก 1 นาย
ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิต 3 รายแรก ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตมีการระบุชื่อคือ โจชัว อายเออร์ เขาเสียชีวิตในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาหลังเกิดเหตุที่โรงพยาบาล
เจนนิงส์บอกว่า อายเออร์เพิ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเจ้าหน้าที่ยอดเยี่ยมประจำเดือน เม.ย. เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน “เขาสละชีวิตและอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องพลเมืองของเรา”
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บ เป็นเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ 1 นาย ตำรวจชาร์ลอตต์-เม็กเลนเบิร์ก 3 นาย
ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับเหตุกราดยิงดังกล่าวแล้ว และได้พูดคุยกับ วี ไลส์ นายกเทศมนตรีเมืองชาร์ลอตต์ เพื่อแสดงความเสียใจและให้การสนับสนุน
เรียบเรียงจาก Associated Press
2024-04-30T04:00:22Z dg43tfdfdgfd