เนสกาแฟหนุนชาวสวนกาแฟทำเกษตรเชิงฟื้นฟู เพิ่มคุณภาพและผลผลิตเพื่อความยั่งยืน

บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ผ่านการเกษตรเชิงฟื้นฟู ทั้งดิน น้ำ และเมล็ดพันธุ์ สร้างความพร้อมให้เกษตรกรชาวสวนของไทย รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพิ่มผลผลิตและคุณภาพ เพิ่มรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี

นายโจโจ้ เดลา ครูซ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าตลาดกาแฟในประเทศไทยจะเติบโตขึ้นในไตรมาสแรกปีนี้ พร้อมความต้องการบริโภคกาแฟที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ปริมาณผลผลิตเมล็ดกาแฟในประเทศกลับลดลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ทำให้จำเป็นต้องมีการนำเข้าเมล็ดกาแฟเพิ่มมากขึ้น เนสกาแฟจะเดินหน้าสร้างธุรกิจกาแฟให้แข็งแกร่ง เพื่อตอบโจทย์คอกาแฟไทยให้ดียิ่งขึ้นและผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟไทย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยจะมีผลผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงในระยะยาว

ผอ.บริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า ผลผลิตเมล็ดกาแฟในประเทศไทยเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ส่งผลให้มีความต้องการนำเข้าเมล็ดกาแฟเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผลผลิตเมล็ดกาแฟในระดับโลกก็มีปริมาณลดลงเช่นเดียวกัน โดยมีการคาดการณ์ว่า ผลผลิตเมล็ดกาแฟทั่วโลกอาจลดลงถึง 50% ภายในปี พ.ศ. 2593 ทำให้การขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูทวีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย 

พัฒนาปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ผ่านการเกษตรเชิงฟื้นฟู

"ในฐานะผู้นำตลาดกาแฟ เนสกาแฟจะสานต่อบทบาทสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับวงการกาแฟไทย เรามุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเนสกาแฟ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยให้ดียิ่งขึ้น และผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมกาแฟไทย ควบคู่ไปกับการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีผลผลิตเมล็ดกาแฟในระยะยาวที่เพียงพอ เพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภค เกษตรกรที่เราทำงานเคียงข้าง รวมถึงพันธมิตร คู่ค้า และประเทศไทยโดยรวม เนสกาแฟจะมุ่งพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ผ่านการเกษตรเชิงฟื้นฟู หรือ Regenerative Agriculture ภายใต้โครงการ “เนสกาแฟ แพลน 2030” ซึ่งเป็นโครงการด้านความยั่งยืนระดับโลกของเนสกาแฟ การเกษตรเชิงฟื้นฟูจะช่วยให้เกษตรกรพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของเมล็ดกาแฟ รวมทั้งปกป้องและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรธรรมชาติ" นายโจโจ้ กล่าว

ผอ.บริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวอีกว่า ส่วนตัวมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า ความทุ่มเทของเราในการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูทำให้เนสกาแฟเป็นแบรนด์ที่มีการปลูกและจัดหาเมล็ดกาแฟอย่างยั่งยืน (Responsible Sourcing) 100% ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน 4C (Common Code for the Coffee Community) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในระดับโลก เพื่อการันตีว่าเมล็ดกาแฟของเราปลูกขึ้นตามมาตรฐานด้านความยั่งยืนระดับโลก ทำให้เราสามารถนำเสนอกาแฟคุณภาพสู่ผู้บริโภคชาวไทย นอกจากนี้ เนสกาแฟยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการรับซื้อเมล็ดกาแฟ โรบัสต้าโดยตรงจากเกษตรกรที่ จ.ชุมพรในราคาที่เป็นธรรม โดยอิงจากราคากาแฟในตลาดโลก เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรและสร้างความเชื่อมั่นว่าผลผลิตของพวกเขาจะมีตลาดรับซื้อที่ไว้วางใจได้

มุ่งส่งเสริมการปลูกกาแฟยั่งยืน ชู เกษตรเชิงฟื้นฟู เป็นทางออกรับมือ Climate Change

ด้าน นายทาธฤษ กุณาศล ผู้จัดการฝ่ายบริการการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปัจจุบัน ภาวะโลกเดือดส่งผลให้พื้นที่เกษตรกรรมที่เหมาะสำหรับการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ลดลงเหลือเพียง 1 ใน 3 ของพื้นที่เดิม เนื่องจากดินเสื่อมโทรมและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ผลผลิตกาแฟของประเทศลดลงอย่างมาก จากผลผลิตการแฟเมื่อ 10 ปีที่แล้วสูงสุดที่ 30,000 ตัน ขณะนี้เหลือเพียง 5,800 ตัน แม้เนสกาแฟ จะซื้อผลผลิตจากเกษตรกรไทยมากเท่าใด แต่ก็ไม่เพียงพอ ต่อปริมาณความต้องการเมล็ดกาแฟโรบัสตาที่มากกว่า 5 หมื่นตันต่อปี ทำให้ส่วนที่เหลือยังต้องพึ่งพา การนำเข้าจากต่างประเทศ แล้วช่วง 2 ปีที่ผ่านมาความต้องการกาแฟในประเทศไทยก็สูงขึ้นเช่นกัน

ผู้จัดการฝ่ายบริการการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า ในเมื่อเราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกาแฟ การทำเกษตรเชิงฟื้นฟู จึงเป็นหลักประกันที่มั่นใจได้ว่า เราสามารถส่งทรัพยากรเหล่านี้ไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานได้ อีกทั้งสามารถรับมือกับปัญหาโลกร้อนที่กระทบต่อการผลิตกาแฟ เริ่มตั้งแต่ดิน เราเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเกษตรในการปรับปรุงดินเสริมความอุดมสมบูรณ์ให้กลับมา ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ดูแลแหล่งน้ำให้เพียงพอ มีคุณภาพ และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในสวนกาแฟ หมายถึง กาแฟในป่าเติบโตได้ดีในสภาพที่มีไม้ใหญ่ให้ร่มเงา เมื่อความหลากหลายใต้ร่วมเงาไม้มีสูง มีพื้นขึ้นคลุมดิน ดินจะแข็งแรงไม่พังทลายง่าย ทั้งนี้ เนสท์เล่ได้เข้าไปส่งเสริมชาวสวนในการปลูกพืชคลุมดิน ทั้งหญ้าแฝก และพืชตระกูลถั่วด้วย

"นอกจากการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟู เนสท์เล่ยังให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรในการให้ความรู้และการสนับสนุนด้านเทคนิคในการทำสวนกาแฟอย่างยั่งยืน รวมไปถึงการผนึกความร่วมมือกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน ประจำประเทศไทย หรือ GIZ ในการจัดทำหลักสูตร Farmer Business School ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟให้มีแนวคิดของผู้ประกอบการเกษตรกรรม นอกจากนี้ เนสท์เล่ยังให้การสนับสนุนโครงการประกวดสุดยอดกาแฟไทย เพื่อส่งเสริมการใช้การเกษตรเชิงฟื้นฟูในสวนกาแฟให้มากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาต้นกล้ากาแฟที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกในประเทศไทย และได้กระจายต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดี มีคุณสมบัติต้านทานโรคและความแล้ง เหล่านี้ให้กับเกษตรกรมาแล้วเกือบ 4 ล้านต้น" นายทาธฤษ กล่าว

ผู้จัดการฝ่ายบริการการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวอีกว่า เนสท์เล่ยังมีการอบรมด้านเกษตรฟื้นฟูให้กับเกษตรกรที่ร่วมโครงการปีละ 2,000 คน โดยสอนตั้งแต่หลักการบริหาร การทำรายรับรายจ่าย การบริหารและจำกัดความเสี่ยง การปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนทำให้ในปี 2565 เกษตกรมีรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2561 ถึง 88% 

ลดการใช้สารเคมี ใช้ปุ๋ยให้เหมาะสม ทำเกษตรผสมผสานเพื่อความยั่งยืน

ขณะที่ นางสาวนิภาวรรณ โดดเสนา นักวิชาการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เราสอนให้เกษตรกรในพื้นที่ จ.ชุมพร ลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมีในสวนกาแฟ พร้อมทั้งแนะนำการปลูกพืชผสมผสาน เจ้าหน้าที่ของเราได้เข้าไปให้คำแนะนำกับเกษตรกรในการปลูกพืชล้มลุก อย่างพืชตระกูลถั่ว ในช่วง 2-3 ปีแรกที่มีการปลูกกาแฟ เพื่อให้ผลผลิตไว้เก็บขายสร้างรายได้ ระหว่างรอเก็บเกี่ยวกาแฟ ที่ 1 ปีมีครั้งเดียว นอกจากนี้เราได้ให้คำแนะนำในการปลูกพืชที่ให้ร่มเงา อันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับต้นกาแฟ 

ขณะเดียวกันเรามีการตรวจวิเคราะห์สุขภาพดิน เพื่อให้สามารถเลือกใช้ปุ๋ยบำรุงดินได้ตรง โดยเน้นให้มีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มาจากการหมัก ซากพืช และมูลสัตว์ รวมทั้งแนะนำการใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณที่เหมาะ ตรงกับความต้องการของต้นกาแฟในช่วงเวลาต่างๆ อันจะช่วยให้เกษตรกรลดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง ล่าสุด เนสท์เล่ได้ส่งเสริมการเลี้ยงผึ้งในสวนกาแฟ เพื่อช่วยผสมเกสร ซึ่งการเลี้ยงผึ้งในสวนก็เป็นเครื่องชี้วัดได้ว่าสวนนั้นๆ ไม่มีการใช้สารเคมี อย่างสวนกาแฟของนายสุดใจก็มีการเลี้ยงผึ้งด้วยเช่นกัน ซึ่งแสดงถึงความสมบูรณ์ทางชีวภาพอีกด้วย

ได้พันธมิตรที่จริงจัง จริงใจ พัฒนาคุณภาพสวนกาแฟไทย 

ส่วน นายสุดใจ คำยอด เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟจากจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ตัวเองปลูกกาแฟมาเกือบ 40 ปีตั้งแต่ปี 2528  มีช่วงเวลาที่เคยท้อแท้จากผลผลิตที่น้อยลงและไม่ได้คุณภาพ จนทางเนสท์เล่ได้ส่งนักวิชาการเกษตรมาช่วยเหลือและให้คำแนะนำในการปลูกกาแฟแทบจะทุกด้าน รวมทั้งหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟู จนผลผลิตกลับมาดีขึ้น ถ้าไม่มีเนสท์เล่ในวันนั้น ตอนนี้ชุมพรอาจไม่มีกาแฟเหลือแล้ว เดี๋ยวนี้โลกร้อนขึ้นด้วย อากาศร้อนมาก แล้งด้วย น้ำไม่พอใช้ กาแฟได้น้ำไม่พอ ทำให้สัดส่วนผลผลิตที่จะได้เพิ่มขึ้นมีปริมาณลดลง แต่สวนของเราใช้แนวทางของเนสท์เล่ ก็ได้รับผลกระทบน้อยกว่าคนอื่นๆ เรียกได้ว่าเนสท์เล่ได้เข้ามามีส่วนช่วยทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างยั่งยืน จึงอยากเชิญชวนเกษตรกรให้หันมาใช้หลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูเพื่อผลผลิตที่ดีอย่างยั่งยืน

“นอกจากการเกษตรเชิงฟื้นฟู เนสท์เล่ยังสอนเทคนิคการเสียบยอดเพื่อให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม 3-4 เท่า ส่วนต้นกล้าที่ได้รับจากเนสท์เล่ก็ให้ผลผลิตที่ดี เมล็ดใหญ่ และทนแล้ง รวมทั้งยังมาช่วยวิเคราะห์สภาพดิน เพื่อใส่ปุ๋ยให้เหมาะสม รวมทั้งการสอบให้ใช้ปุ๋ยหมักจากแกลบกาแฟ ที่มีธาตุไนโตรเจนสูง ใส่บำรุงดินผ่านไป 6 เดือนพบกว่าปุ๋ยช่วยให้ต้นกาแฟเติบโตดี และอยู่ได้นานกว่าการใช้ปุ๋ยเคมี ” นายสุดใจ กล่าว. 

 

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เนสกาแฟหนุนชาวสวนกาแฟทำเกษตรเชิงฟื้นฟู เพิ่มคุณภาพและผลผลิตเพื่อความยั่งยืน

ตามข่าวก่อนใครได้ที่

- Website : www.thairath.co.th

- LINE Official : Thairath

2024-07-27T03:44:27Z dg43tfdfdgfd