“แก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา” จุดตายของทั้ง “เพื่อไทย-ประชาชน”

ต้องยอมรับว่าการเมืองไทยในเวลานี้คือการใช้นิติสงครามอย่างแท้จริง เพื่อฟาดฟันนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามหรือคู่อริให้พ้นทาง โดยหนึ่งในหัวข้อที่ถูกนำมาใช้ร้องเรียนมากที่สุดคือประเด็น “จริยธรรม” ซึ่งหลายฝ่ายมองว่ามีปัญหาในการตีความจนพรรคพวกฝ่ายตัวเองอาจต้องพ้นตำแหน่งไป

นั่นจึงทำให้มีความพยายามผลักดันแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยเริ่มที่ประเด็นจริยธรรมก่อน แต่คำถามสำคัญคือ การแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราจะเป็นคำตอบสุดท้าย หรือนำไปสู่ปัญหาใหญ่ต่อไป?

"หมอประเวศ" แนะ "ทักษิณ" ควรทำ 5 เรื่องใหญ่! ขับเคลื่อนประเทศไทย

“ลุงป้อม” โวบริหารมา 9 ปีน้ำไม่เคยท่วมไม่เคยแล้ง ลั่น จะกลับมาเป็นรัฐบาลในครั้งหน้า

“เรืองไกร” ร้องป.ป.ช. สอบ สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ฝ่าฝืนจริยธรรม

อาจเห็น “เพื่อไทย-ประชาชน” จับมือแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา

ในรายการเข้มข่าวเย็น ช่วง Exclusive Talk ทางช่อง PPTV HD 36 รศ.พรชัย เทพปัญญา อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง กล่าวว่า ช่วงหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยบอกว่าจะแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ไป ๆ มา ๆ เจอปัญหาเฉพาะหน้า จึงต้องการแก้ส่วนจริยธรรมก่อน

ด้าน คุณสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสริมว่า พรรคเพื่อไทยตอนนี้โดนเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต จากการที่อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน แต่งตั้งคนที่สมควรรู้ว่ามีปัญหาหรือคุณสมบัติต้องห้าม ทำให้เกิดความกลัวว่า นายกฯ คนต่อมาจะโดนด้วยหรือไม่ เพื่อเซฟนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จึงต้องเอาเรื่องจริยธรรมออกจากรัฐธรรมนูญ

ส่วนทางพรรคประชาชนเอง มีประเด็นที่อยากเสนอแก้หลายเรื่องในรัฐธรรมนูญ ทั้งยุทธศาสตร์ชาติ ล้างผลพวงที่เกิดจากการรัฐประหาร ออกกฎหมายป้องกันรัฐประหาร

แต่ในขณะเดียวกัน พรรคประชาชนก็ต้องการแก้เรื่องจริยธรรม จากกรณี สส. 44 คนที่อาจมีปัญหาขัดจริยธรรมร้ายแรงเรื่องล้มล้างการปกครองและเป็นปฏิปักษ์ จึงอาจต้องพยายามแก้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

“เมื่อเป็นอย่างนี้จึงอาจนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการยื่นวาระที่ 1 วาระที่ 2 และวาระที่ 3” คุณสมชัยบอก

อดีต กกต. เสริมว่า ในการเสนอแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ต้องมีเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา / ต้องมีเสียงเห็นชอบจาก สว. 1 ใน 3 / ต้องมีเสียงเห็นชอบจาก สส. ฝ่ายค้าน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20

เมื่อมีเงื่อนไขแบบนี้ คุณสมชัยมองว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่จับมือพรรคประชาชนตั้งแต่เริ่ม โอกาสที่วาระ 3 จะไม่ผ่านสูงมาก ดังนั้นอาจมีการตกลงกัน มีการออกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายเวอร์ชัน เวอร์ชันเพื่อไทย เวอร์ชันประชาชน แล้วมาคุยกัน แต่ถ้าปัดตกพรครประชาชนตั้งแต่เริ่ม ความร่วมมือวาระ 3 จะไม่มี

รศ.พรชัยบอกว่า เมื่อเป็นอย่างคุณสมชัยว่า ทำให้พรรคเพื่อไทยหลีกเลี่ยงพรรคประชาชนไม่ได้ เพราะต้องการเสียงฝ่ายค้านในวาระ 3 ต้องหาทางตกลงกันให้ได้

“แต่คำถามสำคัญคือ คนที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งจะยอมให้พรรคประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้รัฐธรรมนูญหรือเปล่า ... ถ้าสุดท้ายแล้ว สส. 44 คนของพรรคประชาชนรอด คนทีเป็นดีลเลอร์ทางการเมืองยอมรับได้หรือไม่” อาจารย์พรชัยบอก

อย่างไรก็ดี คุณสมชัยเสริมว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่พรรคประชาชนจะถูกหักหลังในฉากสุดท้าย “วาระ 1 อาจจะรับ วาระ 2 อาจจะพิจารณาร่วมกัน วาระ 3 ผลในการพิจารณาของทั้งรรัฐบาลและฝ่ายค้านมารวมกันเสนอเป็นร่าง แต่พอถึงจุดนั้นอาจเป็นไปได้ว่าประโยคหมิ่นเหม่ทั้งหลายอาจมีการขอว่า ยกเว้นเรื่องนี้ได้หรือไม่ ยังคงต้องเอาไว้ ถ้าถึงวันนั้น พรรคประชาชนต้องชั่งน้ำหนักว่าพอใจหรือไม่ อาจไม่ได้หรือได้แก้หลักการบางเรื่อง”

แก้รัฐธรรมนูญรายมาตราอาจจุดชนวนความไม่พอใจในสังคม

ทั้งนี้ อาจารย์พรชัยตั้งข้อสังเกตว่า การที่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาชนจะแก้รัฐธรรมนูญส่วนจริยธรรม ในสายตาสังคมอาจดูเหมือนแก้แค่ปัญหาของตัวเอง

“คนอาจเกิดความรู้สึกว่า นี่คือการแก้เพื่อตัวเอง เพื่อช่วยเหลือพรรคพวกที่กำลังจะโดนร้อง ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน ถ้าอ้างว่าเพื่อให้เลือกรัฐมนตรีได้ ทำไมไม่เอาคนที่ไม่มีเรื่อง คนที่ใสสะอาดก็มี เอามาได้ ทำไมต้องเอาคนมีปัญหา แต่บ้านเรามันไม่ได้ขึ้นกับความใสหรือมีความสามารถ แต่ขึ้นกับความสนิทสนม ขึ้นกับโควตา”

คุณสมชัยเตือนว่า ต้องระมัดระวังถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ไม่แก้ทั้งฉบับ ไม่ยอมให้มีสถาร่างรัฐธรรมนูฐ (สสร.) อาจเกิดข้อสงสัยจากสังคม ว่าสิ่งที่ทำเป็นการแก้เพื่อประโยชน์เฉาะหน้า

ส่วนตัวคุณสมชัยมองว่า ความพยายามแก้กฎหมายหมวดจริยธรรมนี้เป็นการแก้แบบ “สุดซอย” คือแก้ทั้งแพ็กเกจ ทั้งคุณสมบัติ สส. คุณสมบัติรัฐมนตรี บทบาท ป.ป.ช. การลงมติของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการปกป้องฝ่ายการเมืองไม่ให้ออกจากตำแหน่งโดยง่ายจากข้อหาทางจริยธรรม

“จะเกิดความรู้สึกในหมู่ประชาชน ต้องระวัง คนอาจจะคิดว่า เอาอีกแล้วหรือ แทนที่จะแก้เรื่องประโยชน์ของประชาชน กลับจะมาเอาประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก” อดีต กกต. กล่าว

นอกจากนี้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 วรรค 8 เขียนว่า การจะแก้รัฐธรรมนูญใน 3 เรื่อง คือ แก้วิธีการแก้ / แก้หมวด 1-2 / แก้เรื่องศาลและองค์กรอิสระ ซึ่งจะมีผลให้ไม่สามารถทำหน้าที่เหมือนปัจจุบันได้ จะต้องมี “ประชามติ”

คุณสมชัยบอกว่า “ร่างแก้รัฐธรรมนูญของเพื่อไทย ร่างของพรรคประชาชน มันกระทบหน้าที่ศาลและองค์กรอิสระ จะต้องทำประชามติ และร่างของเพื่อไทยยังมีแก้ให้เอาประชามติออก เป็นเรื่องแก้วิธีการแก้ ก็ต้องประชามติอีก”

อดีต กกต. เสริมว่า เมื่อถึงขั้นตอนลงประชามติ จะเกิดความแตกต่างทางความคิดในสังคม อาจเกิดการรณรงค์ของสองฝ่ายที่มีความแตกต่างทางความคิดอย่างรุนแรง และถ้าประชามติไม่ผ่าน คำถามคือ จะเกิดการเรียกร้องให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบอะไรหรือไม่ เพราะรทำประชามติแต่ละครั้งต้องใช้งบประมาณ 3 พันล้านบาท

แต่อาจารย์พรชัยมองว่า “สิ่งไหนที่พรรคประชาชนร่วมด้วย มักไม่ประสบความสำเร็จ” เพราะทางฝั่งพรรคร่วมเองไม่รู้มีความประสงค์ต้องการแก้รัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่ เพราะเขาไม่ได้ประโยชน์อะไร และอาจต้องการจัดการพรรคประชาชนอยู่แล้ว

“เชื่อว่าฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่ยอมให้เพื่อไทยกับพรรคประชาชนจับมือกันไม่ว่าเรื่องอะไร ถ้ามีการแก้รัฐฑธรรมนูฐอาจไม่ได้รับการสนองตอบ ไม่ให้พรรคประชาชนได้ประโยน์ อาจตัดตอนให้ได้ประโยชน์เฉพาะเพื่อไทย อะไรที่พรรคประชาชนจะรอด จะถูกตัดตอน เตะตัดขา” รศ.พรชัยบอก

คุณสมชัยเสริมว่า ถ้าเพื่อไทยกับพรรคประชาชนจะร่วมมือก่อน เป็นเรื่องซึ่งต้องระวัง สายตาข้างนอกจะมองว่าจับมือกันเพราะมีประโยชน์ร่วมกัน เพื่อให้คนของตัวเองไม่โดนโทษที่เกี่ยวกับจริยธรรม สังคมภายนอกจะติฉินนินทา เกิดการคัดค้านขึ้นมา

“เห็นทิศทางว่าจะเป็นแบบนี้ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เรียกว่าเป็นจุดตายจุดหนึ่งของทั้งสองพรรคก็ว่าได้” คุณสมชัยบอก

อดีต กกต. ย้ำว่า ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ต้องแก้ทั้งหมด ตั้ง สสร. ขึ้นมา “การยกร่างรัฐธรรมนูญควรให้คนที่ไม่มีผลประโยชน์ได้เสียเป็นคนจัดทำ สสร.จากการเลือกตั้งโดยทั้งประเทศน่าจะดีที่สุด เป็นกลาง ไม่มีฝ่าย อาจจะใช้เวลานาน 2 ปี ... นอกจากนี้ ไม่ว่าจะแก้ทั้งฉบับ หรือแก้แค่หมวดจริยธรรม ปลายทางของมันต้องประชามติ คำถามคือ จะยอมให้ทำประชามติหลายครั้ง เสียเงินครั้งละ 3 พันล้าน ไม่เสียดายหรือ?”

นิติสงครามจบเมื่อไร? กุญแจอยู่ที่ “นักร้อง”

ส่วนประเด็นเรื่องนิติสงครามที่ตัวแทนฝั่ง “บ้านป่า” กับ “บ้านจันทร์” กำลังเปิดหน้าสู้กันอยู่ตอนนี้ นักวิเคราะห์มองว่า จะเป้นการต่อสู้ที่ไร้จุดจบ ยกเว้น น.ส. แพทองธาร ชินวัตร หลุดจากตำแหน่งนายกฯ

รศ.พรชัยกล่าวว่า “ฝั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คิดว่าเรื่องคลิปเสียงหลุด เป็นเรื่องที่มีผลกระทบน้อย อาจมัวหมองบ้างแต่ไม่ชัดเจนในทางกฎหมาย การพูดว่าอยากเป็นนายกฯ ทุกคนอยากเป็นได้ เรื่องเงิน ไม่รู้เงินอะไร”

แต่จุดตายสำคัญของ พล.อ.ประวิตร ตอนนี้คือ “การไม่เข้าประชุมสภา” ซึ่งตรงนี้อาจทำให้ต้องพ้นตำแหน่ง สส. ได้

“บิ๊กป้อมไม่รู้ร้อนรู้หนาวเพราะมีประสบการณ์เยอะ เคสนาฬิกายังรอดมาได้ พวกนี้ไม่ระคายผิว หาทางออกได้ ร้ายสุดก็ออกจาก สส. ให้เบอร์สองขึ้นแทน ไม่มีปัญหา ดูแล้วน่าจะไม่ได้อยากเป็น สส. ด้วย” อาจารย์พรชัยกล่าว

เขาเสริมว่า “การโต้ตอบระหว่างบิ๊กป้อมกับบ้านจันทร์มีอยู่แล้ว แต่ใครมีอะไรในมือบ้าง ... การที่บ้านป่าจะน็อกบ้านจันทร์ต้องมีหลักฐานชัดเจน ว่ามีอะไรเป็นหลักฐานดำเนินการ การประชุมวันที่อดีตนายกฯ เศรษฐาถูกถอดถอน เรียกพรรคร่วมไปบ้านจันทร์ส่องหล้า ต้องมีหลักฐาน”

แต่ส่วนตัวอาจารย์พรชัยมองว่า ถ้ามีคลิปหรือหลักฐานในบ้านจันทร์ ฝั่งบ้านป่าต้องเปิดมาแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีท่าไม้ตาย ถ้ามียิงหมดแม็กแล้ว เขี่ยออกจากพรรคร่วมต้องยิงหมดแม็กแล้ว

คุรสมชัยมองว่า ขณะนี้สงครามสองฝ่าย ต่างพยายามขยายให้รุนแรง ซึ่งท้ายที่สุดไพร่พลจะบาดเจ็บล้มตายทั้งคู่ ไม่จบด้วยชัยชนะสวยงามแน่นอน แต่ประชาชนจะชอบ เพราะเรื่องที่ไม่เคยรู้จะหลุดออกมา

“ถือว่าเป็นผลดีต่อประชาชนสังคมโดยรวม ในแง่ฝั่งบิ๊กป้อม อาจหลุดตำแหน่งถ้าขาดประชุมสภา 1 ใน 4 โดยไม่มีเหตุผลไม่มีใบลา ซึ่งเชื่อว่ามี แต่ไม่เหมาะสมอยู่ดี สังคมต้องช่วยวิจารณ์ ... เราเองต้องเรียกร้อง ท่านต้องแสดงบทบาท อย่าเอาแต่เกมนอกสภา” อดีต กกต. กล่าว

คุณสมชัยบอกว่า ฝ่ายรัฐบาลและบ้านจันทร์ส่องหล้าอาจตกอยู่ในจุดอันตรายกว่า เพราะ พล.อ.ประวิตร ไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว เรื่องมูลนิธิย้ายออกได้ เรื่องขาดประชุมออกจาก สส. ได้ แต่ฝั่งรัฐบาลตอนนี้โดนอีกฝ่ายขยันชก สมมติสัก 10 เรื่อง เข้าเป้าเรื่องหนึ่งก็จบแล้ว เตือนให้พึงระวัง หลายเรื่องที่ร้องบางเรื่องหนักจริง

รศ.พรชัยกล่าวถึงจุดจบของนิติสงครามครั้งนี้ว่า “น่าจะไม่จบ” เป็นการต่อสู้ไปเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด แต่ละฝ่ายหาหลักฐานจัดการอีกฝ่ายไม่ได้ “การต่อสู้สองฝ่ายจะดำเนินไปโดยไม่มีใครแพ้ เราอาจได้ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมด้วย”

อาจารย์ทิ้งท้ายว่า จุดจบของบ้านจันทร์ส่องหล้าคือเมื่อการร้องเรียนของบรรดานักร้องเกิดสัมฤทธิ์ผลเท่านั้น

2024-09-19T12:27:37Z dg43tfdfdgfd