แม่วัย 91 ถูกลูกสะใภ้แจ้งความ ซ้ำลูกชายเป็นพยานให้เมีย เหตุเกิดจากกะเพราต้นเดียว!

แม่ผัววัย 91 ปะทะ ลูกสะใภ้ ระเบิดศึก ด่ากันยับ ถึงขั้นแจ้งความเข้าคุก เหตุเกิดจากปลูกกะเพราต้นเดียว!

กรณี “คุณวิภา” ร้องมายังเพจโหนกระแส ระบุว่า “คุณยายน้ำวุ้น” อายุ 91 ปี เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกับ “นายวุฒิ” ลูกชาย และ “นางฉลวย” ลูกสะใภ้ โดยสาเหตุเกิดจากยายปลูกกะเพราต้นหนึ่งแล้วล้ำไปในที่ของลูกชาย ลูกชายไม่พอใจเอาไปฟ้องเมีย ก่อนเปิดศึกด่ากันยับ แม่ยายพลั้งปากด่าลูกสะใภ้ ลูกสะใภ้แจ้งความแม่สามี ลูกชายเป็นพยานให้เมีย จะเอาแม่เข้าคุก ยายยันถูกลูกสะใภ้ทำร้ายร่างกาย เอารองเท้าตบหน้า จิกหัว

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. รายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” สัมภาษณ์ คุณยายน้ำวุ้น มาพร้อม วิภา หลานที่เป็นคนร้องมายังเพจโหนกระแส, ทนายปราย เอมมิกา สุดพันธ์ ทนายความ เผชิญหน้า ฉลวย ลูกสะใภ้, วุฒิ ลูกชาย และ วรรณา ลูกของฉลวยและวุฒิ

 

ยายอายุเท่าไหร่?

ยายน้ำวุ้น : อายุจะ 91 ปีนี้

 

ยายมีลูกกี่คน?

ยายน้ำวุ้น : มีสี่ ตายสอง เหลือสอง

 

แบ่งที่ดินให้หมดแล้ว?

ยายน้ำวุ้น : แบ่งให้หมดแล้ว ที่ไม่มีใบโฉนด เป็นที่ที่อยู่ได้ แต่จำนำ จำนองไม่ได้ ปักหลักทำโน่นนี่ได้ มีทั้งหมด 10 กว่าไร่ แต่ก่อนเขามี 4 คนพี่น้อง พี่ชายคนโตเสียชีวิต น้องสาวสุดท้องเสียชีวิต เหลือ 2 คน ชื่อนายทรัพย์ กับนายวุฒิ

แบ่งที่ยังไง?

ยายน้ำวุ้น : สองคนนั้นตัดทิ้งไป ก็เหลือแบ่งให้สองคน แบ่งเขตให้เรียบร้อย ไม่ต้องยุ่งแล้ว คนละ 3 ไร่กว่าๆ ไม่ถึง 4 ไร่ ของฉันอยู่ต่างหาก ไม่ได้รวมกับเขา แต่อยู่ผืนเดียวกัน

 

ที่ผืนเดียวกัน แบ่งเป็น 3 แปลง ให้เขาไป 3 เราก็ 3 ยายอยู่ตรงไหน?

ยายน้ำวุ้น : ยายอยู่กลาง เหนือของนายทรัพย์ ใต้ของนางวุฒิ ตรงนั้นมีปลูกกอไผ่กั้นไว้ระหว่างที่ของนายทรัพย์ที่ติดกับฉัน ส่วนที่นายวุฒิที่ติดกับฉันก็ปลูกน้อยหน่า แก้วมังกร มีป่ากะเพรา ทีนี้ป่ากะเพราขึ้นเยอะ ฉันก็ไปถอนหญ้า เสียดายเพราะมันงาม ก็แยกไปปลูก เหลื่อมไปนิดเดียว

 

ปลูกหลายต้นมั้ย?

ยายน้ำวุ้น : เหลื่อมเข้าไปแค่กิ่งเดียว ไม่ใช่ต้น

 

โอนเป็นชื่อเขามั้ย?

ยายน้ำวุ้น : ชื่อเขา

 

ยายปลูกกะเพรา แล้วมีต้นนึงเข้าไปในที่ของวุฒิ แล้วเขาทำไง?

ยายน้ำวุ้น : ถือมีดเหลียนที่ฟันอ้อยแล้วหวดหญ้ามาเรื่อย

 

เกิดนานยัง?

ยายน้ำวุ้น : เดือนกรกฎาคม

 

แล้วไงต่อ?

ยายน้ำวุ้น : เขาว่าปลูกล้ำเข้ามา ไม่รู้จะปลูกเข้ามาทำไม ปลูกมาทำอะไรก็ไม่รู้ จะเอาที่ให้หมดหรือไง เขาว่าฉันปลูกล้ำเข้าไปเรื่อย

 

น้อยใจมั้ย?

ยายน้ำวุ้น : น้อยใจ แต่ก็ไม่ได้เถียง ไม่ได้ว่า แต่พอมันว่าอีกก็เลยถามว่า ไอ้วุฒิ มึงจะเสียจิต มึงจะบ้าหรือไง กะเพราต้นเดียวกูจะเอาไปไหน แป๊บเดียวมันก็ตาย กูจะอยู่ได้แค่ไหน เดี๋ยวกูตายมึงก็เอาไปกันเถอะที่เนี่ย กูอาจตายก่อนกะเพราด้วย มึงนี่ก็โห เกินไป มันก็เดินไปที่เมียมัน ไปบอกเมีย

 

ไปฟ้องเมีย?

ยายน้ำวุ้น : ไม่ได้ฟ้อง มันยืนด่าฉันเลย เจ็บใจมาก เจ็บในหัวอก เหมือนไม่ได้เบ่งมันออกมา เขาไปแจ้งความ แม่ต้องปั๊มลายนิ้วมือ เลยต้องมาวันนี้ ต้องมาเพื่อความเป็นธรรม

พอเขายืนด่าแม่ แล้วยังไงต่อ?

ยายน้ำวุ้น : ให้ของลับทั้งนั้นเลย ฉันสวนไปทำนึง สวนคำแรง ของลับเหมือนกัน ด่าโกลเด้น ฟลาวเวอร์ด้วย เขาบอกอีวุ้นมึงเห็นตีนกูมั้ย เดี๋ยวเอาตีนไปตบหน้ามึง ฉันเลยบอกว่าก็มาเลือกตบเอา มันก็โยนจอบให้ผัวมันมาฟันบอกว่าฟันให้เละเลย ลูกชายวุฒิกับเมียวิ่งออกมา ก็มาด่าอีก ให้ของลับอีก

 

หลานให้ของลับเราอีก?

ยายน้ำวุ้น : มึงตายก็ไม่เผาผีมึงหรอก บอกแบบนี้ เสียใจ มันเรียกว่าอีวุ้น มึงตายก็ไม่เผาผีมึง ลูกสะใภ้ ลูกชาย ก็เหมือนกัน ลูกชายพอด่าของลับแล้ว ก็บอกว่าอีวุ้น มึงตายกูก็ไม่เผา

 

พี่วิภา เรื่องนี้ตอนแรกพี่ไม่รู้เรื่อง?

วิภา : รู้ตอนเขาด่ากันเดือน ก.ค. วันที่ 17-18 มันรู้กะทันหัน ไม่รู้เหตุผล ทำไมต้องไปส่งอัยการ

 

แค่เรื่องกะเพราต้นเดียวเนี่ยเหรอ ก่อนหน้านี้มีเรื่องมีราวกับลูกชายมาก่อนมั้ย?

ยายน้ำวุ้น : มีเรื่องกันมาตลอด ก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องที่ เรื่องกะเพราเป็นเรื่องสุดท้าย เรื่องแรกเลยไอ้วุฒิถือมีดมาเล่มนึง วัดที่มาเรื่อย มาถึงตรงบ้านฉัน มันเอามีดกรีดดิน บอกว่าบ้านต้องรื้อถอนออกไปนะ บ้านนี้อยู่ในที่มัน ต้องรื้อออกไป มันบอกที่มัน ฉันก็เลยถามว่า ตอนมามึงเอาที่มาด้วยเหรอ ที่มึงอยู่ตรงไหน ถ้ามึงบอกว่าที่มึงอยู่ตรงไหนเดี๋ยวกูจะรื้อ แต่ก่อนรื้อกูไปถามพระอาจารย์ที่วัดก่อนว่าจะมีที่ให้อยู่มั้ย ถ้ามีที่ให้อยู่จะไปอยู่วัด แล้วรื้อที่ให้มัน

 

เขาตอบว่าไง?

ยายน้ำวุ้น : เขาไม่ตอบ ให้เอาต้นมะม่วงออก จะเอาดินมาถม ก็บอกว่าถ้ามึงจะขุดก็ขุดไป จะทำยังไงก็ทำไป ทำที่มึงสบายใจก็แล้วกัน กูไม่ว่ามึงหรอก

 

อยู่คนเดียวหรืออยู่กับใคร?

ยายน้ำวุ้น : ตอนนี้อยู่คนเดียว ไม่มีกินก็บอกหลาน วิภาเป็นลูกพี่สาว

วิภา : แม่หนูเป็นพี่สาวน้า ตอนนี้แม่เสียไปแล้ว เราไม่เชิงอยู่ดูแลหรอก เราอยู่บ้านใกล้ๆ น้าแบ่งที่ขายให้ก็ปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆ

 

นายทรัพย์ไม่ดูแลเหรอ?

ยายน้ำวุ้น : เขาไม่เคยถามว่าแม่จะกินอะไรมั้ย ไปหาหมอเมื่อไหร่ ไม่เคยถามเลย

 

นายวุฒิ?

ยายน้ำวุ้น : ไม่เลย เมียยิ่งไม่เลย เมียเห็นหน้ายิ่งจะกัดจะกิน

วิภา : เขาอยู่คนเดียว ทั้งที่ลูกอยู่ข้างๆ (ร้องไห้)

ยายน้ำวุ้น : บางวันก็กินข้าวกับเกลือ กินกับน้ำปลา

น้องปรายฟังแล้วเป็นไง?

ปราย : เห็นใจคุณยายค่ะ

 

คุณวุฒิ ลูกชายคุณยาย, คุณฉลวย ลูกสะใภ้, น้องวรรณา ลูกคุณวุฒิ มานั่งอยู่ข้างๆ คุณวุฒิเป็นลูกยาย?

วุฒิ : เป็นลูกยาย เป็นลูกคนที่ 3 ทรัพย์เป็นคนที่ 2 คนโตโดนรถชนตาย คนสุดท้องโดนยาเบื่อตาย

 

คุณเป็นอะไร?

วุฒิ : ผมเก็บของเก่ากิน ไม่รู้อะไรระเบิดใส่ผม สัก 5 ปีได้แล้ว หมอตัดแขนตัดขาออกข้างนึง เหลือข้างขวาข้างเดียว ทุกวันนี้นั่งรถเข็น เดินได้ก็เดินไม่ไกล

 

มีเรื่องมีราวอะไรกัน?

วุฒิ : แกปลูกกะเพราเข้ามา วัวคนแถวนั้น วัวลูกหลานมากิน ทางนี้ก็ด่าอีก ก่อนหน้านั้นเขาด่านายเอ กับนายแสบ เป็นลูกพี่ชาย

 

จะบอกว่าแม่ปลูกกะเพรามาที่คุณ เดี๋ยวพอวัวไปกินก็ไปด่าเจ้าของวัวอีก?

วุฒิ : ครับ เพราะที่มีทางเดิน

 

วัวของคนข้างนอก เข้าไปกินกะเพรา แล้วยังไง?

วุฒิ : แม่ก็ด่าผมมาเป็นชุดเลย

 

พูดมั้ยว่าปลูกล้ำมาที่ตัวเอง?

วุฒิ : ไม่ได้ว่าล้ำ แต่มีปากเสียงกัน

 

ที่ซ้ายมือที่ใคร?

วิภา : ที่น้าวุฒินี่แหละ ขวามือเป็นของที่น้าน้ำวุ้น

 

ต้นกะเพราปลูกตรงนี้ แต่กิ่งยื่นไปในที่เขา?

วิภา : ไอ้ที่เนี่ย ไม่รู้แน่ว่าเขาเขตกันแค่ไหน

วุฒิ : มีเสาไฟ เสาปูน นั่นแหละเสาหลัก

 

ต้นไม้อยู่ที่เขานะ?

วุฒิ : อยู่บ้างไม่อยู่บ้าง กิ่งมันยื่นไปที่ผมครับ

 

ตัวต้นอยู่บ้านยาย แต่กิ่งอยู่ที่วุฒิ วุฒิบอกเดี๋ยววัวมากินก็ไปด่าเขาอีก แต่ประเด็นคือ เรามีการเรียกเมียไปด่าเขาจริงมั้ย?

วุฒิ : ไม่จริงครับ

 

พี่เล่า?

ฉลวย : ฉันเก็บยอดมะระไปลวกกินกับข้าว ทีนี้เขาก็ด่ามา ว่ามึงมาสิ… ด่าเป็นชุดๆ เลย คำหยาบทั้งหมดที่ด่า ฉันก็เลยเถียง ฉันก็ด่าว่ามึงก็เหมือนกัน มึงก็มาเหมือนกันกับกูนี่แหละ เขาก็บอกว่ามึงหน้าด้านเหมือนส้น…แต่ยายพูดไม่จริงจ๊ะ เรื่องที่พูดมาเมื่อกี้ไม่ใช่เลย

ยายโกหกหมดเลย?

ฉลวย : เหมือนเขาเอาตัวรอด เขาไปที่ไหนก็พูดแบบนี้ ถ้าอยากรู้พี่หนุ่มไปสืบที่บ้านได้เลย ยายคนนี้นิสัยยังไง ยายพูดเท็จหรือไม่เท็จ ให้ไปสอบสวนชาวบ้าน

 

เขาด่าคุณโกลเด้น ฟลาวเวอร์ คุณแจ้งความ?

ฉลวย : เขาแจ้งก่อนจ๊ะ

 

แม่แจ้งก่อนจริงมั้ย?

ยายน้ำวุ้น : จ๊ะ ก็ไปแจ้งว่าลูกด่าเรื่องปลูกกะเพราในที่มัน ปลูกล้ำเข้ามาๆ

วุฒิ : ผมยังไม่ได้ด่า แต่เขาไปแจ้งความว่าด่า

 

ก็เลยแจ้งสวนกลับ?

วุฒิ : ผมก็แจ้งสวนกลับ

ฉลวย : ก็แจ้งว่าต่างคนต่างเถียง ต่างคนต่างด่า เขาด่าก่อน ฉันทนไม่ไหวก็ด่าสวน

วุฒิ : ตอนวิภาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลย

วิภา : อยู่ตอนเขาโหวกเหวกโวยวายแล้ว ออกมาฟังตรงหน้าประตูรั้วบ้าน ได้ยินทางนี้ก็ดัง ทางโน้นก็ดัง ทางโน้นมี 3 คน ด่าไปด่ามา

ฉลวย : บ้านยายก็มีกล้อง บ้านคนนั้นก็มีกล้อง แต่พอเกิดเหตุอะไร เขาก็บอกว่าใช้ไม่ได้

วิภา : วันที่เขาเสียงดัง ได้ยินเจี้ยวๆ แต่ไม่รู้ด่าอะไรกัน แต่หนูไม่ได้บันทึก

ฉลวย : เขามีกล้องทั้งสองบ้านแหละ

ยายน้ำวุ้น : ติดไว้เฉยๆ ไม่มีสัญญาณ ทรัพย์ติดให้ เขาติดอยู่ที่เพิงที่เขาอยู่

วรรณา : ลุงมีเมมโมรี่การ์ดแต่ช่วงแจ้งความ ลุงทำงานอยู่อยุธยา พอลุงกลับไปช่วงนั้นเมมโมรี่มันลบไปแล้วค่ะ มันเก็บความจำได้ไม่นานค่ะ

 

ไม่เคยเจอเหมือนกัน ลูกกับแม่ทะเลาะกันเพราะต้นกะเพราต้นเดียว?

ยายน้ำวุ้น : ที่มันพูดมาไม่ใช่เรื่องจริงเลย สาธุ สาบานต่อหน้าสวรรค์ (ยกมือไหว้) พูดมาไม่ใช่เรื่องจริงเลย

ฉลวย : เขานี่แหละเป็นคนพูดไม่จริง เขาด่าหนูก่อน

วรรณา : ขอเปิดคลิปวันรุ่งขึ้น ผู้ช่วยกับผู้ใหญ่มาดู มีอัดเสียงไว้ เปิดได้มั้ยคะ เขาด่าแล้วบอกคนอื่นว่าลูกเป็นคนด่าเขา

ยายน้ำวุ้น :  วันที่ผู้ช่วยมา ยืนติดกับฉัน วันที่ผู้ช่วยมาดูต้นกะเพรา อีน้องนี่ปรี่เข้ามาถามว่าถ้าวันนี้ตีคนจะเสียค่าปรับเท่าไหร่ ผู้ช่วยก็ยืนเฉย

วุฒิ : ปวดฉี่แล้ว

ทำมาหลายปี ยังไม่เคยเจอแบบนี้ ตอนนี้ฟังใครไม่เข้าใจแล้ว ต้องเปิดหลักฐาน เห็นว่าลูกสะใภ้เคยจิกหัวแม่?

ยายน้ำวุ้น : เรื่องที่อยู่นั่นแหละ ลูกชายวัดที่มา พอถึงตรงมุมบ้านก็เอามีดกรีด บอกว่าท่อนนี้ต้องรื้อออกนะ มันเป็นที่ของฉัน ฉันก็ว่า อ้าว แล้ววันปลูกทำไมไม่ว่าที่มึง กูปลูกแล้วแล้วอีกท่อนจะอยู่กับใคร มึงให้รื้อก็รื้อ ถ้าอาจารย์มีที่ให้อยู่กูจะไปอยู่วัด จะรื้อที่ให้มึง มันบอกว่าขุดต้นมะม่วงกับนุ่นออกให้หมดเลยนะ จะเอาที่มาถม ก็บอกว่ากูขุดไม่ไหวแล้ว มึงจะทำอะไรก็ทำไป เอาที่สบายใจ มันก็วิ่งไปเรียกเมียมา เมียเดินไม่ทัน ขี่รถเครื่องมา บอกว่ามึงเป็นอะไรอีสัต.. กระชากผม จิกหัวแล้วเหวี่ยง แล้วคว้ารองเท้าที่ตีนมาตีหน้าฉันปั๊บๆ  มีคนมาช่วยฉันบอกว่าพอแล้ว พอฉันลุกได้ ฉันก็เดินมาที่วุฒิ เขาก็คว้าไม้ บอกว่าลองมาตีฉันสิ เขาก็จับไหล่สองไหล่ผลักฉันล้มหงายหลังไปเลย คนชื่อตุ้มมายกฉันไปไว้บนร้าน อีนั่งนี่ก็วิ่งจะไปตีฉันอีก ตุ้มเขาก็ยึดไว้ บอกว่าฉลวยพอแล้ว ทีนี้ลูกของไอ้นี่เตรียมตัวจะไปโรงเรียน มันได้ยินเสียงโวยวายก็วิ่งมาเลย อีตุ้มก็พาฉันไป รพ.

 

โดนฝั่งฉลวยตี จิกหัวก่อน รองเท้าตบ สาเหตุจากผัววิ่งไปฟ้อง?

ยายน้ำวุ้น : ใช่

 

แจ้งความมั้ย?

ยายน้ำวุ้น : ไม่ได้แจ้ง ทาง รพ.เขาแจ้งว่ามีคนทำร้ายร่างกายคนแก่ ตร.ก็มาถามเหตุการณ์ บอกว่าถ้าป้าหายออกจาก รพ.ให้ขึ้นไปหาเขานะ ฉันหายฉันก็ไปหาเขา เขาก็เรียกตัววุฒิมา แต่คนตีไม่มา

ฉลวย : ไปจ๊ะ ที่เขาพูดมาไม่มีความจริง

 

ตีเขาจริงมั้ย?

ฉลวย : ไม่จริงจ๊ะ มีแต่ยายถอดรองเท้าเขวี้ยงหน้าฉัน

วุฒิ : แล้วถอยไปล้มเอง เหยียบก้อนหินล้ม

 

ปรายมองไง?

ปราย : ไม่รู้ใครพูดจริงไม่จริงยังไง

ยายน้ำวุ้น : คนคนนี้ไม่ยอมรับ

วรรณา : ย่าหรือเปล่าที่ไม่ยอมรับความจริง

 

เราด่าเขามั้ย?

ยายน้ำวุ้น : ด่า

วุฒิ : ด่ามาเป็นชุดเลย

ยายน้ำวุ้น : สาธุ เลี้ยงลูกมา ไม่เคยด่าเลย

วรรณา : ให้ฟ้าผ่านะย่า

ยายน้ำวุ้น : ถ้ามึงไม่รับเรื่องที่มึงทำ ขอให้มีอันเป็นไป ขอให้มึงตาย

ฉลวย : สาธุ (ยกมือ)

วรรณา : ถ้าไม่เป็นอย่างที่ว่า ก็ขอให้ย้อนกลับไปหาด้วยนะ

 

นี่ก็ย่านะ?

ยายน้ำวุ้น : มันไม่รับความผิดเลย ฉันแก่แล้วไม่ตอแหล เรื่องวัวเอามาพูดทำไม มันเป็นเรื่องชาวบ้านมาพูดทำไม เอาเรื่องกะเพราสิ

 

ยังไง?

ฉลวย : ยายคนนี้

 

เขาเป็นแม่นะ?

ฉลวย : แม่ก็จริง แต่เขาไม่ได้นับฉันเป็นลูกสะใภ้ ตั้งแต่ได้กับตาวุฒิ เขาด่าฉันเสียๆ หายๆ

 

เราทำอะไรผิด เขาถึงไม่รักเรา?

ฉลวย : ไม่ได้ทำอะไรเลย ทอดปลาหมึกก็บอกว่าไหม้ ตั้งน้ำมันร้อนพอรีบเอาขึ้นก็บอกว่าไม่สุก ตั้งแต่ได้กันใหม่ๆ เลย ทำยังไงก็ไมชอบ ด่าถึงโคตรเหง้า ด่าเรื่อยมา จนบางทีฉันทนไม่ไหว ฉันก็เถียง ทนได้ฉันก็ทน มาเรื่องกะเพรา นายวุฒิบอกว่าไม่น่าปลูก เพราะวัวมากิน เขาก็บอกไอ้วุฒิจะตายหรือไง นี่มันที่กูนะ

ที่ตรงนี้เป็นของแม่?

วุฒิ : ที่ของพ่อ ตรงนี้พ่อแบ่งให้ แม่ไม่ได้แบ่ง

 

รักเขามั้ย?

วุฒิ : ผมก็รัก แต่เขาไม่น่าปลูกมาแบบนี้ เดี๋ยววัวมากิน แล้วมีปากมีเสียงกัน

 

ถ้าไม่พูดเลยได้มั้ย?

วรรณา : หน้าบ้านหนูเป็นที่ว่าง หญ้ารกก็ให้วัวมากินหญ้า ไม่ต้องจ้างคนตัด พอไปกินกะเพรา ย่าก็ไปด่าญาติๆ ที่เลี้ยงวัวอีก ก็ด่าแรงค่ะ

 

แม่ผัวไม่รัก เสียใจมั้ย?

ฉลวย : เสียใจจ๊ะ เขาไม่เคยด่าพี่สะใภ้เลย ด่าแต่เรา ด่ามาตลอดแหละ ทนได้ก็ทน

 

เคยถามมั้ยเขาไม่ชอบอะไรเรา?

ฉลวย : เขาไม่ชอบ ก็ไม่ต้องถาม

 

เรื่องกะเพรานี่ยังไง?

ฉลวย : นายวุฒิก็บอกว่าไม่น่าปลูกตรงนี้ เดี๋ยววัวมากินก็ไปด่าเขาอีก เขาก็ด่าเลย มึงจะตายหรือไง ไอ้หน้า ห…ไอ้หน้า แตx นี่ที่กูนะ ทางนี้ก็บอกว่าที่แกตรงไหน นี่ที่พ่อ พ่อแบ่งให้เขาก็ลามปามเลย เมียมึงมาแต่ห..นะไอ้วุฒิ ก็ลามปามถึงกูอีกแล้ว ด่าอีดอก.. หน้าด้านเหมือนส้นตี… ฉันก็เลยเถียง มึงสิหน้าด้านเหมือนส้น… ก็ใส่บ้าง ทีนี้ลูกชายนอนอยู่ในบ้าน เขาก็บอกว่าอะไรกัน ด่าพ่อแม่เสียงดัง เขาก็ด่า ค… เขานอนฟังมานานแล้ว

วรรณา : ตอนแรกจะไม่อะไร แต่ด่าพ่อด่าแม่ไม่หยุด เขาก็เลยเดินออกมา

 

ใครแจ้งความ?

ฉลวย : เขาแจ้งก่อน วิภาพาไปแจ้งความ

วิภา : เขาด่ากัน ทางนี้ไม่มีที่พึ่ง เขาคนเดียว ทางโน้นสามคน ก็พาไปแจ้งความที่โรงพัก เขาก็รับเรื่องแจ้งความ ตร.ก็เรียกไป

 

คุณรู้มั้ยเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น?

วิภา : ตอนนั้นรู้แค่เขาด่ากัน แต่สงสารเขา ก็ออกมาบอกว่าทำไมต้องด่ากันขนาดนี้ ทางโน้นแม่พ่อลูก แล้วคนเดียวจะด่าเขาทันมั้ย ต่างคนต่างด่า

 

เราแจ้งความมั้ย?

วุฒิ : แจ้งจ้ะ

ฉลวย : ตร.เอาหมายมาให้ ฉันก็ไปวันที่ 16 ส.ค. ไปที่โรงพัก อยู่ๆ มาวันที่ 12 ก.ย. เขาก็เอาหมายไปให้ฉันอีก วันที่ 13 ก็มาที่โรงพัก เขาเรียก 2 หมื่น

 

เรียกจริงมั้ย?

ยายน้ำวุ้น : จริง ก็ด่าฉันมั้ง เอามีดมาก่อน จอบมาทีหลัง อยู่ที่อีหลวย

ฉลวย : ไม่มี พูดผิดแล้วยาย วันนั้นมีจอบเล่มเดียว ที่ถือมีดมันตั้งนานแล้ว

ยายน้ำวุ้น : ถามวิภาสิ

วิภา : เรื่องจอบเรื่องมีด บ้านมันบัง แต่เรื่องเสียงหนูได้ยิน มึงด่ากู กูด่ามึง

น้องปราย ยังไง?

ปราย : จากข้อเท็จจริงที่ฟัง มีการด่า โต้เถียงกัน จริงๆ ทั้งคู่ไม่มีสิทธิไปร้องทุกข์เลย เพราะถือว่าไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย แปลว่าทั้งคู่มีส่วนร่วมกันกระทำความผิดในครั้งนี้ ด่ากันไปด่ากันมามันเหมือนทะเลาะวิวาท ทั้งสองคนไม่มิสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่งได้ด้วย ถือว่าสมัครใจทะเลาะวิวาทกันแล้ว ตรงนี้คือข้อกฎหมาย แต่นอกเหนือจากข้อกฎหมาย ในฐานะที่เราเป็นลูก คุณยายอายุเยอะแล้ว ส่วนตัวคิดว่าอะไรที่เล็กๆ น้อยๆ ไม่ควรเก็บมาให้เป็นปัญหากันต่อไป อะไรผ่านได้ก็ขอให้ผ่าน เขาอายุเยอะแล้ว อีกอย่างเห็นเขาอยู่คนเดียว ถ้าเขาเป็นอะไรมา ก็มีลูกหลานนี่แหละต้องคอยไปช่วยเหลือ คนแก่มีบ้างที่อารมณ์ร้อน เราเป็นลูกหลานก็ปล่อยผ่านได้มั้ย อย่าไปถือโทษโกรธกันขนาดนั้นเลย จริงๆ วันนี้ไม่มีอะไรร้ายแรงกันเลย จริงๆ จบได้ถ้าเราปล่อยวางกัน คุณยายก็แก่ อยู่ได้อีกไม่นาน ส่วนที่ดิน ทางกฎหมายไม่ถือว่ามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนะ เราแค่มีสิทธิครอบครอง  ใช้ประโยชน์เหนือพื้นดิน จริงๆ เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่เราอยู่คือรัฐ เรามาทะเลาะกัน ทั้งที่ไม่ใช่ผู้ถือกรรมสิทธิ์กับเรื่องแค่นี้ที่ต้องมาตัดแม่ตัดลูกกัน มองว่าไม่คุ้มเลย ถ้าเรายอมกันได้ คุยกันได้ก็ดีค่ะ เขาด่าก็ปล่อยเขาไปบ้าง อายุเขาก็เยอะ เราก็อย่าไปถือโทษโกรธเขาขนาดนั้นเลย

วรรณา : ทางหนูยอมได้ แต่ย่าเขาไม่หยุด อยากให้เขาปลงบ้าง

ปราย : ถ้าเขาด่าแล้วไม่มีใครโต้ตอบ เขาก็อาจจะหยุดหรือเปล่า เราก็ปล่อยไปบ้าง แต่ก็เห็นใจว่าด่าแล้วเกิดอารมณ์ เราก็เข้าใจ แต่บางทีด่าแล้วไปร้องทุกข์ ดำเนินคดี ยายต้องไปโรงพัก ก็น่าเห็นใจ จริงๆ เรื่องของเรื่องที่ทะเลาะกันในกรรมสิทธิ์ที่ดิน จริงๆ มันไม่ได้เป็นของใครเลยนะ แย่งกันให้ตายก็เป็นของรัฐนะคะ

วรรณา : จริงๆ ย่าไม่ควรไปแจ้งความ ต่างฝ่ายต่างด่าก็น่าจะจบกันแค่วันนั้น แต่คือย่าไม่จบ ต้องถามย่าว่าจะจบมั้ย ฝั่งเราจะจบค่ะ

ยายน้ำวุ้น : แล้วทำไมฉันต้องไปอยู่ในห้องขัง ไปอยู่ในกรงมาแล้วเมื่อวานนี้ ถ้าวิภาไม่ไปเอาฉันออก ฉันต้องนอนในคุกคืนนึง แล้วจำคุก 1 เดือน เสียค่าปรับ 2,500 บาท คุมความประพฤติอีก 1 ปี ฉันอยู่ใต้ถุนศาล

วรรณา : แม่ก็ไปทุกครั้งค่ะที่ยายไปแจ้งนะคะ

วิภา : ถ้าเมื่อวานหนูไม่เข้าไป ยายจะอยู่ตรงไหน เขาเรียกญาติยายน้ำวุ้น

 

เอาตะกร้าหมากไปกินในคุกด้วย?

ยายน้ำวุ้น : ใช่ เขาให้เข้ากรง ปิดประตูเลย ฉันก็ถามว่า ทำไมถึงต้องให้ฉันอยู่ในกรง

วิภา : เรื่องแค่หมิ่นประมาท คดีร้ายแรงถึงขนาดไปอัยการ ไปศาลตัดสินแบบนี้เลยเหรอ แจ้งข้อหาแบบไหนไม่เข้าใจ

ปราย : ข้อหาหมิ่นประมาท มีอัตราโทษจำคุก มันคือคดีอาญา เมื่อมีการร้องทุกข์ตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนก็มีอำนาจสอบสวนเรื่องนี้ และเมื่อมีหลักฐานครบว่าอาจมีผู้กระทำความผิดจริง เขาก็ส่งเรื่องให้อัยการ พออัยการส่ฟ้องก็จะเป็นไปตามกระบวนการที่ยายเจอเลย นี่คือสิทธิตามกฎหมาย แต่ที่สงสัย ยายก็ไปแจ้งความด่า ลูกสะใภ้ก็แจ้งความด่า จริงๆ พนักงานสอบสวนควรสอบสวน แล้วจะรู้เลยว่าทั้งคู่ทะเลาะกัน ไม่มีการเจรจากันก่อนเลยเหรอคะ

ฉลวย : ถาม ตร.แล้วว่าจะให้จบตรงนี้เลยได้มั้ย แต่ยายไม่ยอม

ยายน้ำวุ้น : ไม่รู้เรื่องเลย

ฉลวย : ตร.บอกว่ายายไม่ยอม ให้ส่งศาลอย่างเดียว

ปราย : จริงๆ ความผิดหมิ่นประมาท ยอมความกันได้ ถ้ายอมความกันแล้ว ก็ไม่ต้องไปต่อกันที่ศาล ไม่ต้องนำเรื่องสู่ศาลค่ะ สามารถจบกันได้เอง

วรรณา : วันนั้นลุงโทรมาบอกว่าขอให้จบแค่โรงพักนี้ ไม่ต้องไปต่อ แต่ผู้พันเขาบอกว่ายายไม่ยอม

ปล่อยให้ยายไปอยู่ในคุกได้ไง?

วรรณา : ตรงนี้ไม่รู้ค่ะ ตร.ไม่ได้แจ้งมาค่ะ

ยายน้ำวุ้น : ลองคิดดู แล้วมาปฏิเสธว่าไม่รู้ เป็นไปได้มั้ย

 

คนเอายายเข้าคุกคือใคร?

ยายน้ำวุ้น : เป็นร้อยเวรที่เขาไปแจ้ง คนละคนกับที่ฉันแจ้ง

ปราย : น่าจะเป็นที่การสื่อสารของ ตร.หรือเปล่า

ฉลวย : ตอน ตร.เรียกมาก็บอกว่าให้จบที่โรงพักได้มั้ย ไม่ต้องเอาเข้าคุก แต่ผู้กองประพันธ์บอกว่ายายไม่ยอม ส่วนยายเข้าคุกได้ไง อันนี้ไม่ทราบค่ะ

ปราย : ต้องดูที่ยายแจ้งความ เป็นการแจ้งความหรือร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐาน จริงๆ ต้องมีใบร้องทุกข์กลับมา

วรรณา : มีหมายเรียกพ่อกับแม่ ไปพบแล้ว 2 ครั้ง

ยายน้ำวุ้น : ตร.ไม่ได้เรียกเราไปเลย

ฉลวย : ตร.บอกว่าเขาไม่มา

วรรณา : ตอนยายไปแจ้ง ตร.ถามว่าทำไมยายไม่มาด้วย ผู้กองบอกว่ายายไม่มา แต่ที่แม่ไปแจ้ง ตร.ไม่มีโทรหาเราเลย เพิ่งรู้ก่อนเข้ารายการ ลุงถามหนูว่า แล้วใครเสียค่าปรับเมื่อวาน

ปราย : การดำเนินงานผิดขั้นตอนนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ยายน้ำวุ้น : วันนั้นเขาเรียกมันมา แล้วมันพูดไม่รู้เรื่อง มันไม่ยอมรับ ไอ้ลูกชายมันรับคนเดียวว่าด่าจริง ให้ ค…จริง

 

โฟนอินหา “พ.ต.ท.ประพันธ์ มั่นพุฒ” สารวัตร (สอบสวน) สภ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ยายไปอยู่ในคุกได้ไง?

ผู้กอง : แกรับสารภาพข้อหาดูหมิ่นและหมิ่นประมาท เวลาส่งฟ้อง เขาก็เอาไปที่ใต้ถุนศาลก่อนศาลเรียก แต่คดีของยาย ฝ่ายนายวุฒิ นางฉลวย กำลังผัดฟ้องอยู่ พิมพ์มือเสร็จแล้วส่งให้อัยการ

ปราย : ทำไมคดียายร้องทุกข์ก่อน แต่คดีโน้นร้องทุกข์ทีหลัง แต่ยายติดคุกก่อน

ผู้กอง : คดีนี้เป็นคดีศาลแขวง ถ้ารับสารภาพ ก็สั่งฟ้องภายใน 48 ชม. ทางวุฒิก็ปฏิเสธ ก็ผัดฟ้อง

ยายน้ำวุ้น : ฉันด่าจริง ก็ด่าฉันก่อน

ผู้กอง : ตอนนี้ของคุณวุฒิ กับฉลวย ก็อยู่ระหว่างผัดฟ้อง ซึ่งผัดฟ้องได้ไม่เกิน 5 ครั้ง ผัดแรกเมื่อวาน

 

ข้อเท็จจริงเป็นยังไง?

ผู้กอง : แม่ลูกทะเลาะกันหลายครั้ง เขาคุยกันไม่จบ ไม่รู้จะแก้ปัญหาด้วยการเจรจา มันไม่จบอยู่แล้วที่โรงพัก จะเอาสองหมื่น ทางนี้ก็ไม่มี ผมเห็นว่าไม่จบ ก็รับคดี ส่งฟ้อง

 

ต่างคนต่างแจ้ง แต่แม่ดันไปรับสารภาพ เลยติดไปก่อน?

ผู้กอง : ส่งฟ้อง ก็จบไป รอเสียค่าปรับ อีกฝั่งผมเรียกมาแล้ว แต่ระยะเวลาผัดฟ้องไม่เกิน 30 วัน เมื่อวานผัดที่หนึ่ง ถึงเวลาก็จะส่งฟ้องเหมือนกัน

ปราย : เพิ่งส่งเรื่องไปใช่มั้ย

ผู้กอง : เพิ่งสั่งฟ้อง สำนวนยังอยู่ที่ผมอยู่

 

ดูทรงแล้วน่าจะเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้?

ผู้กอง : ก็หลายครั้งแล้ว มันไม่จบ

 

ส่วนใหญ่ใครเริ่ม?

ผู้กอง : ไม่รู้ใครเริ่ม เขาอยู่บ้านติดกัน ด่ากันไปด่ากันมา

 

แม่โดนก่อนเพราะไปยอมรับ?

ยายน้ำวุ้น : ฉันรับเพราะไม่ใช่คนตอแหล

 

ต่างคนต่างอยู่ได้มั้ย ไม่ต้องไปด่ากัน?

ยายน้ำวุ้น : ฉันไม่ด่า ไม่ไปหาเรื่อง ไม่ไปที่บ้านเขาด้วย

 

แกปากจัดแต่ยังไงแกก็เป็นแม่ ใจเย็นๆ กันได้มั้ย?

วุฒิ : ใช่ เย็นๆ

 

ไม่ใช่หมายถึงเย็น หมายถึงใจเย็นๆ?

วุฒิ : อ้อ หูไม่ดี

 

แม่ก็ไม่ด่าเขาได้มั้ย?

ยายน้ำวุ้น : แม่ไหว้ล่ะ ไม่เคยไปด่าใครก่อนเลย ถ้าเขาไม่มาหาเรื่องมาหาที่บ้าน

 

อยากให้จบยังไง?

วุฒิ : อยากให้จบแล้วไม่ต้องมาเกาะแกะกัน

วรรณา : อยากให้ต่างฝ่ายต่างอยู่

วุฒิ : เจ็บป่วยก็ค่อยมาดูกัน

 

ไม่รักเหรอ นี่แม่นะ?

วุฒิ : ก็รัก

ยายน้ำวุ้น : หึ!

วรรณา : พ่อขับรถผ่านก็มองทุกวันนะ

วุฒิ : เรื่องกินอยู่คงเดินไปทำให้กินไม่ได้ เพราะผมก็มือเดียว ขาเดียว

 

เขาบอกว่ารักนะ?

ยายน้ำวุ้น : ตายห่x

วุฒิ : ตอนผมแขนขาดี อยู่ รพ.ผมก็ไปหา

ยายน้ำวุ้น : โอ้ย ไหว้ฟ้าไหว้ตะวัน (ยกมือไหว้)

วรรณา : ไม่ต้องสาบานบ่อยหรอก

 

ถ้าแม่เดินมาด่าวัว เอาหูไปนา เอาตาไปไร่?

วุฒิ : ผมจะไม่พูดแล้ว

ยายน้ำวุ้น : มันไม่มีวัว แล้วจะเดือดร้อนอะไร วัวชาวบ้าน

เขาจะไม่พูดแล้ว แม่โอเคมั้ย?

ยายน้ำวุ้น : โอเค

วุฒิ : คนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ต้องยุ่ง

วิภา : ไม่ยุ่งไม่ได้ เป็นน้า นี่ก็โดนรุมกระทำ

 

ถามแม่ตรงๆ จากใจ ถ้าวันนึงลูกสะใภ้ หรือหลาน ออกไปข้างนอก ลูกชายเราล้ม ช่วยมั้ย?

ยายน้ำวุ้น : ไม่รับปาก ตอนเขาขาขาด แขนขาด ฉันก็ขนขี้ลูกทิ้ง แต่พอเขาหายดีก็เหมือนเดิมอีก ถ้าวันนึงล้มก็ยังไม่รับปาก

 

แม่ก็ต้องช่วยแหละลูกเราทั้งคน?

ยายน้ำวุ้น : ไม่รู้เหมือนกัน

วุฒิ : ถ้าเขาล้มผมก็ต้องช่วย

ยายน้ำวุ้น : ไม่รู้มาช่วยหรือกระทืบซ้ำ

 

ไม่ดีกันเหรอ?

ยายน้ำวุ้น : ก็เขาบอกถ้าฉันตายจะไม่มาดู ไม่เผา

วุฒิ : ไม่จริงเลย ถ้าตายก็มาเผา

วิภา : พูดจริงว่าตายก็ไม่เผาผี แล้วมาพูดว่าหนูเข้าไปเสียบ เป็นตัวการให้เขาแตกแยกกัน ถ้าหนูไม่เข้าไปเมื่อวาน แม่ไม่เข้าคุกเหรอ

 

ที่ไม่ชอบคือคำว่าขายข่าว เพราะเราก็ติดต่อไปทั้งสองฝ่าย ติดต่อให้มาชี้แจง ตั้งแต่ต้นรายการ มีใครว่าถึงนายทรัพย์สักคำมั้ย?

ปราย : พี่หนุ่มไม่ได้พูดถึงเลย

วิภา : ระยะเวลาที่มาอยู่ ไม่เคยไปก้าวก่าย วุ่นวาย มีแต่น้าเดินมาหาหนู แล้วจะให้หนูไล่เขามั้ย เขาบอกว่าเขาไม่มีอะไรกินเลย

 

วันนี้เรื่องอื่นไม่สน คนอื่นไม่ได้อยู่ในเรื่องนี้ เป็นเรื่องนอกประเด็น เอาแค่อยู่บนโต๊ะนี้ เป็นแม่ลูกกันสุดท้ายต้องอยู่ด้วยกันให้ได้ ไม่ได้บอกว่าแม่ผิดหรือไม่ผิด แต่สุดท้ายต้องอยู่ด้วยกันให้ได้  ทางคุณวุฒิ แม่คุณอายุ 91 แล้ว ก็ทนแก่หน่อย แกอาจพูดเก่ง ด่าเก่ง แม้แต่ในรายการวันนี้ แกพูดจริงหรือไม่จริงก็ช่างแกเถอะ แกแก่แล้ว?

วุฒิ : ผมอโหสิกรรมให้หมดแล้ว

 

เขายอมทุกอย่างแล้ว แม่จบได้มั้ย?

ยายน้ำวุ้น :  ฉันไม่ได้ว่าเลย ไม่งั้นฉันจะเบ่งลูกออกมาได้มั้ย

วิภา : อยู่กันก็ถามสารทุกข์สุกดิบบ้าง

ปราย : ส่วนกระบวนการก็เป็นไปตามกระบวนการต่อไป แต่อย่าต่อความกันเลย

วุฒิ : ผมก็อโหสิกรรมให้ทุกสิ่งทุกอย่าง

ยายน้ำวุ้น : ฉันไม่เคยไปพูดอะไรกับใคร ฉันอยู่แต่บ้าน วันนึงก็ไม่เคยเห็นคน

วุฒิ : เราอยู่บ้านก็อยู่แต่กับของเก่า

วิภา : ถ้าไม่มาหาพี่หนุ่ม กรรชัย ตาทรัพย์ก็ไม่เคยถามอะไร ลูกอยู่ยุ้ง แม่อยู่บ้าน อยู่ห่างกันประมาณ 5 วา แต่เขานอนห้องติดๆ กัน แต่เวลากิน เขาไปกินที่ยุ้งข้าว

 

เขาบอกแม่ไม่เคยกินเกลือ?

ยายน้ำวุ้น : ไม่กินก็ไม่กิน

 

เขาบอกว่าไปพูดแบบนี้ กลายเป็นว่าเขาไม่ดูแล พูดแบบนี้ได้ไง เรื่องนี้เรื่องเดียว แต่ที่เราคุยกันทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับเขาเลย?

วิภา : เขาไม่รู้ เขาไม่เห็น แม่ติดคุกเขาก็ไม่รู้ โซเชียลก็ไม่ได้นั่งอ่าน ไม่รู้สักอย่าง

ที่แจ้งความจะยังไงต่อ?

ยายน้ำวุ้น : ฉันเห็นมาแล้วเมื่อวานนี้ อดน้ำอดข้าวไม่มีใครซื้อให้กิน คนมีญาติเขาซื้อมาให้กิน น้ำขวดนึง ก็รอดไปได้ แล้วกว่าจะเอาออกมา ตั้ง 2 ชม.

 

เรื่องแจ้งความจะยังไง?

ปราย : เท่าที่ดูจากเอกสารที่เอามาให้ดู ฝั่งวุฒิที่ไปร้องทุกข์คดีของยายจบแล้ว เป็นความผิดครั้งแรก ยายรับสารภาพ เลยได้รับโทษ และรอลงอาญา ไม่ต้องติดคุกอะไร แต่ฝ่ายคุณวุฒิ ตร.รอส่งฟ้องอัยการต่อไป ถ้าได้รับโทษก็รอลงอาญา เป็นบทเรียนทั้งคู่ในเรื่องการด่าทอกัน เพราะการด่ากันถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมาย

 

มีกฎหมายมาค้ำแล้ว ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีกติดคุกเลยนะ มีเรื่องศาลแล้วนะ ไม่งั้นติดคุก โอเคมั้ย?

ยายน้ำวุ้น : ฉันโอเค ฉันรับได้ ฉันไม่เคยด่าใครก่อน

 

เอาน้ำหอมไปฉีด?

ยายน้ำวุ้น : ดีเลย จะได้มีผัว จะได้มีคู่ไปไหนมาไหน

วิภา : ถ้าเมื่อวานไม่ต้องพาเขาไปอัยการ ก็ไม่ต้องเหนื่อยหรอก หนูตกใจ เอาตรงๆ ไม่มีใครแจ้งล่วงหน้าว่าต้องเตรียมเงินไปเท่าไหร่

 

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แม่วัย 91 ถูกลูกสะใภ้แจ้งความ ซ้ำลูกชายเป็นพยานให้เมีย เหตุเกิดจากกะเพราต้นเดียว!

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

– Website : https://www.matichon.co.th

2024-09-19T12:54:53Z dg43tfdfdgfd