ธรรมะ บางมุมที่คนรุ่นใหม่ไม่เคยได้ยิน

เรื่องราวของการนำเสนอธรรมะ ในรูปแบบต่างๆ ที่ผ่านสื่อออนไลน์ในวันนี้บาง Content ดูเหมือนจะเป็นที่ได้รับความสนใจแล้วมีการ Comment ทั้งมุมบวกมุมลบต่างๆนานากันมากมาย

บางหัวข้อ ได้ยินได้ฟังแล้ว ก็ไม่เคยตื่นเต้นอะไรเพราะเมื่อในอดีต Content เหล่านั้นก็เคยมีหลวงปู่, หลวงพ่อที่มีชื่อเสียงเคยนำเสนอ และการนำเสนอในครั้งนั้น ก็ไม่เคยเห็นมีผู้ใดออกมาคัดค้าน ในยุคนั้นๆ กลับกัน Content ที่คล้ายกัน กับเมื่อในอดีตในวันนี้ พอมีใครมาพูดถึง กลับมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรง ซึ่งจะขอยกตัวอย่าง ให้ได้ลองพิจารณา

พระธรรมโกศาจารย์ หรือ หลวงพ่อพุทธทาส ท่านเคยเทศนาสอนผู้คนมากมายหลายเรื่อง อย่างที่เคยได้ยินเมื่อเกือบ 45 ปีก่อนโน้น ก็ทำเอาใครหลายคนฉงนใจตามๆ กัน แต่ไม่เคยมีการกล่าวโทษท่าน ไม่เคยตำหนิท่าน หลวงพ่อพุทธทาสเป็นผู้ที่ กล่าวได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญของโลกอีกท่านหนึ่ง จากองค์การยูเนสโก เด็กรุ่นหลังๆ อาจไม่เคยรู้

 

"กราบพระพุทธระวังโดนทองเหลือง

กราบพระธรรม ระวังโดนใบลาน

กราบพระสงฆ์ ระวังโดนลูกชาวบ้าน"

ถือว่าเป็นบทความที่ค่อนข้างแรงในยุคนั้น ถ้ามองแบบคนด้อยสติปัญญา ในความรู้ทางธรรม หรือมองแบบโลกๆ ศึกษาธรรมะแค่เปลือก ก็อาจจะกล่าวจากช่วงว่า เป็นคำสอนที่ไม่เข้าท่า เป็นคำสอนที่ไม่ได้เรื่อง แต่สิ่งที่หลวงพ่อพุทธทาสสอนนั้น ท่านไม่ได้สอนโลกียธรรมแต่ท่านสอนโลกุตตรธรรม เป็นความคิดที่สวนกระแสกับทางโลก

กราบพระพุทธระวังโดนทองเหลือง ท่านหมายความว่า สักแต่จะกราบไปอย่างนั้น หรือไม่ก็บนบานศาลกล่าว ไม่ได้กราบด้วยความระลึกนึกถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า ที่ทรงเสียสละลำบากกาย มาปฏิบัติจนพบธรรมะอันยิ่ง ท่านจึงบอกว่าพวกที่กราบแล้วร้องขอ ระวังโดนทองเหลือง

กราบพระธรรมระวังโดนใบลาน ท่านหมายความว่า เรียนรู้ธรรมะท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง เอามาเทศน์มาอ่าน แต่ไม่เคยน้อมนำเอามาปฏิบัติ กลับไปหวังเพียงแต่ว่าจะได้บุญ แต่ถ้านำเอามาปฏิบัติ จะได้ผลยิ่งกว่า ท่านจึงว่า คนที่ท่องที่รู้เป็นนกแก้วนกขุนทอง กราบพระธรรมเหมือนกราบใบลาน

กราบพระสงฆ์ระวังโดนลูกชาวบ้าน ท่านหมายความว่า คำว่าพระสงฆ์ เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ เราต้องกราบด้วยความเคารพอ่อนน้อม และเป็นขวัญกำลังใจ สนับสนุนส่งเสริมให้ท่านได้ศึกษาธรรมะ ทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติ ซึ่งพระแบบนี้คู่ควรแก่การกราบไหว้ แต่ถ้าไปไหว้พระอย่างอื่นระวังจะไปโดนลูกชาวบ้านที่บวชเข้ามา เพื่ออยู่ฟรีกินฟรี มีชีวิตไปวันๆ

เราจะเห็นได้ว่า แนวความคิดการสอนของหลวงพ่อพุทธทาส จะแฝงด้วยปรัชญาไปในทางโลกุตตรธรรม ใครที่เรียนรู้อ่านหนังสือผลงานของท่าน ต้องใช้สติปัญญา ในการขบคิดด้วย เพราะถ้าได้ยินได้ฟังหรือได้อ่านแล้วคิดแบบโลกๆ ก็อาจจะมองว่าหลวงพ่อพุทธทาสสอนธรรมะผิด

ในปัจจุบันพระบางรูป ท่านมักพูดว่าไม่ควรกราบพระพุทธรูป ซึ่งถ้าคนมีสติปัญญาและเข้าใจอย่างแก่นแท้ ก็จะมองเห็นว่าพระพุทธรูปเป็นแค่โลหะบ้าง หินบ้าง สร้างขึ้นมา เพื่อเตือนสติ ชาวพุทธ แต่ไม่ใช่สร้างขึ้นมาเพื่อให้กราบร้องขออ้อนวอนอย่างที่กระทำกัน อีกอย่างหนึ่งไม่ได้มีในบัญญัติ ว่าทรงอนุญาตให้สร้างพระพุทธรูป เป็นตัวแทนพระองค์ท่าน ดังนั้น ถ้ามีพระสักรูปหนึ่ง พูดออกมาดังๆ ว่าไม่ควรกราบพระพุทธรูป นั่นก็เป็นแนวคิดที่ออกไปทางปัญญา ในทางโลกุตตรธรรม แต่ถ้าคนปัญญาน้อยมองแบบโลกิยธรรม คำพูดนี้ดูเหมือนจะเป็นปัญหา

ถ้าคำพูดที่ว่าไม่ควรกราบพระพุทธรูปเป็นปัญหา แล้วสมัย ที่หลวงพ่อพุทธทาสกล่าวนั้นทำไมไม่มีผู้ใดหรือองค์กรพระเข้าไปตักเตือนแต่ประการใด ก็เป็นเพราะ เข้าใจได้ดีว่าหลวงพ่อพุทธทาสประกาศธรรม ด้วยโลกุตตรธรรม

หลวงพ่อพุทธทาสเคยกล่าวว่า พระไตรปิฎก ค่อนข้างฟุ่มเฟือย พระอภิธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในพระไตรปิฎกควรฉีกทิ้งออกให้หมด นี่ก็เป็นธรรมะที่ค่อนข้างแรงในยุคสมัยนั้น แต่ก็ไม่มีผู้ใด ใครไปร้องเรียนตำหนิติจริงท่าน เพราะท่านมีเหตุผลในการอธิบายได้อย่างลึกซึ้งและชัดเจน

พระผู้ใหญ่มหาเถระในยุคนั้นก็ไม่มีใครคัดค้านหลวงพ่อพุทธทาสแม้แต่รูปเดียว

พอมายุคนี้ มีพระบางรูปบอกว่า พระไตรปิฎกถูกต้อง 80% อีก 20% ไม่ถูกต้อง ก็มีหลายผู้หลายท่าน ออกอาการชักดิ้นชักงอ อยากเอาเรื่องเอาความ และมองว่าเป็นการเผยแพร่ธรรมที่ผิด อยากหาเรื่องเอาราว แต่ถ้าเกิดได้เรียนรู้ ถึงการเผยแพร่ของหลวงพ่อพุทธทาสในอดีต ก็จะมองเห็นอะไรบางสิ่ง ที่มันเป็นความจริง ตามที่ท่านได้กล่าวมาข้างต้น

แต่คนที่ประกาศว่าตนเป็นนักธรรม นักปฏิบัติธรรม ไม่ว่าอยู่ในสภาพของฆราวาส หรือจะเป็นนักบวชถ้ามีสติปัญญาน้อย ก็จะตกอกตกใจกับการนำเสนอคำในรูปแบบลักษณะนี้ และมองว่าบิดเบือน แต่ทั้งที่เจตนาเขาต้องการมุ่งเน้นไปทางโลกุตตรธรรม แต่ตนเองนั้นมองเป็นโลกียธรรมและเรื่องประเพณี จึงทำให้เกิดทัศนคติ มุมมอง ต่อผู้ที่เผยแพร่ลักษณะแบบนี้ ว่าเป็นการเผยแพร่ที่ผิด

การกราบไหว้พระพุทธรูปไม่ใช่เรื่องที่ถูกหรือเรื่องที่ผิด แต่มันคือประเพณีที่ถูกสร้างขึ้นมา และรักษาสืบต่อกันมาเนิ่นนานในครั้งพุทธกาล คราวหนึ่งพระพุทธเจ้าไม่อยู่ ก็มีผู้นำไม้แก่นจันทน์มาสร้างเป็นรูปพระพุทธองค์ ครั้นพอพระพุทธองค์กลับมา มีพระดำริว่า ให้นำเอาพระพุทธรูปนี้ ไปทำลายเสีย นี่เขาเรียกว่าตำนานพระพุทธรูปแก่นจันทน์ ซึ่งบางคนอาจจะไม่เคยได้ยิน และนี่เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ ว่าพระพุทธเจ้าไม่พึงประสงค์ให้สร้าง พระพุทธรูปขึ้นแต่ประการใด

ดังนั้น เวลามีพระสงฆ์องค์เณร เผยแพร่ทำอะไรแปลกๆ เราอย่าเพิ่ง เอาสติปัญญาแบบโลกียธรรมของเราเข้าไปจับใจความนั้นๆ ควรนำเอาสติปัญญาแบบโลกุตระธรรมเข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปเรียนรู้ แล้วเราจะมองเห็น บางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในภูเขา จงเรียนรู้ธรรมะด้วยใจเปิดกว้าง ก่อนที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์หลวงปู่, หลวงพ่อ, ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เราควรหันกลับมามีสติ แล้วถามตนเองว่าเรามีองค์ความรู้มากพอเทียบเท่าท่านต่างๆ นั้น แล้วหรือยัง

ถ้าความรู้ของเราอย่างน้อยนิดแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าสิ่งเหล่านั้นถูกต้องแล้วหรือยัง ก็อย่าเพิ่งไปกล่าวหาบุคคลอื่นเขา มันจะเป็นบาปเป็นกรรม ไฟจะติดปากอยู่ในนรก หลายร้อยปีดีดัก

ได้แต่เตือนเอาไว้ว่า ถ้าไม่รู้จริง ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ เพราะนรกมีอยู่จริง

2024-09-18T20:35:37Z dg43tfdfdgfd