ยายวัย 73 ถูก แก๊งเงินกู้นอกระบบ ทำร้ายร่างกาย แจ้งความไป 7 วันเงียบกริบ

 

ยายวัย 73 ร้องเพจสายไหมต้องรอด ถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบ ทำร้ายร่างกาย หลังแจ้งความไป 7 วัน ยังไม่ความคืบหน้า หวั่นโดนทำร้ายซ้ำ 

วันที่ 27 ก.ค. 67 ที่ซอยโชคชัย 4 นาย เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาคุณยายสิริเพ็ญ อายุ 72 ปี ติดตามความคืบหน้าคดี ที่ถูกเจ้าหนี้นอกระบบดอกร้อยละ 30 ยกพวกรุมทำร้าย หลังตามทวงเงินลูกหนี้อีกรายไม่ได้ หลังแจ้งความมา 7 วัน ยังไม่รับความคืบหน้าแต่อย่างใด 

คุณยายสิริเพ็ญ กล่าวว่า รู้จักกับแก๊งเงินกู้รายนี้ประมาณเดือน พ.ค. 67 โดยเขามาหาคนกู้เงิน ซึ่งตนได้กู้ไปจำนวนเงิน 6,000 บาท ส่งวันละ 300 บาท จากนั้นเขาได้ให้เราไปหาคนมากู้เพิ่ม เพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องหาคนมาค้ำเงินกู้ จากนั้นมีเพื่อนบ้านที่อยู่ห้องใกล้ๆมากู้อีก 2 เจ้า โดยเจ้าหนี้ได้ให้ตนเองเป็นคนรวบรวมเงินจากลูกหนี้ที่เราหามาเพิ่ม ซึ่งในตอนนั้นได้ถามกลับไปว่าทำไมตนเองต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการรวบรวมเงินทั้งหมด เขาให้เหตุผลว่าจะได้โอนทีเดียว 

จากนั้นเมื่อตนเองไปปิดยอดเก่าไปแล้ว ก็ได้ขอกู้ใหม่เป็นเงิน 10,000 บาท ผ่อนวันละ 500 บาท รวม 24 วัน ซึ่งถูกหักค่าเปิดบุ๊ครวมดอกแรกเข้าไป 1,000 บาท ที่ผ่านมาตนเอง และลูกหนี้รายอื่นๆ ไม่เคยขาดส่งเงินที่จะต้องจ่ายรายวัน หรือแม้จะส่งไม่ครบแต่ก็ทบเพิ่มให้ในวันถัดไปตลอด ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุวันที่ 20 ก.ค. 67 

ปกติตนเองจะต้องรวบรวมเงินไปส่งให้เขาจำนวน 1,900 บาท เป็นยอดของตนเอง 1,000 บาท เป็นของน้องอีก 2 คน รวม 900 บาท แต่พอดีเก็บยอดส่งได้แต่ 1,200 บาท ยังเหลืออีก 700 บาท ทำให้เขาไม่พอใจ โทรไปด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย และตอนนั้นน้องได้โอนเงินมาให้แล้ว แต่ตนเองหลับจึงไม่ได้เปิดอ่าน ตื่นมาดูก็เห็นยอดเงินโอนเข้ามา จากนั้นตนเองก็โอนไปให้เขาทันที แต่ไม่ทัน เขาไปต่อว่าน้องไปแล้ว แล้วตอนนั้นคิดว่าไม่มีอะไรแล้ว 

กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 21 ก.ค. 67 แก๊งเงินกู้ 4 คน ได้ขับรถเก๋งมาจอด ตอนนั้นจำได้ว่ามีเจ้าของเงิน นายอ๊อฟคนเก็บเงิน และลูกน้องอีกสองคน เดินเข้ามาถามหาน้องคนที่จ่ายเงินช้าเมื่อวาน ซึ่งในวันนี้ไม่ได้จ่ายเงิน ทำให้เขาต้องมาตามถึงที่ โดยให้ตนเองเป็นคนพาไปตาม แต่เขาไม่อยู่ ตอนนั้นตนเองยอมรับว่าได้ด่ากลุ่มแก๊งเงินกู้ไปว่า ดึกแล้วทำไมยังมาทวงอีก ไม่เกรงใจกันบ้างเหรอ ตรงนี้อาจจะทำให้เขาไม่พอใจแล้วเข้ามาทำร้ายตนเอง ซึ่งจำได้ว่าคนที่ทำร้ายตัวเองคือนายอ๊อฟ และเจ้าของเงิน ส่วนอีก 2 คน ยืนคุมเชิง 

โดยนายอ๊อฟได้เดินมาแล้วตบเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง ตนเองพยายามเดินหนี แต่นายอ๊อฟได้เดินตามไปก่อนจะเตะตัดขาเพื่อให้ล้ม จากนั้นได้หยุมหัวตนเองแล้วตบอีก ก่อนที่ลูกสาวจะออกมาตะโกนใส่ แก๊งเงินกู้จึงหยุด ตนจึงไปร้อง เพจสายไหมต้องรอดให้มาช่วย และได้ไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.โชคชัย 4 ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค 67 แต่ก็ยังไม่ได้ความคืบหน้าแต่อย่างใด และตนถ้าคนร้ายมาขอโทษ ตนก็จะไม่ให้อภัย และอยากจะขอค่ารักษาพยาบาลคืน ต้องไปรักษาที่โดนคนร้ายทำร้ายทั้งหมด 2,500 บาท 

นายเอกภพ กล่าวว่า ปัญหาคือเรื่องนี้เป็นนโยบายของทางรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ห้ามให้เจ้าหนี้ใช้พฤติกรรมที่รุนแรงกับลูกหนี้ แต่เหตุการณ์นี้ได้ไปแจ้งความตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค แต่ทำไมยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ โดยตำรวจอ้างว่า ทะเบียนรถที่คนร้ายใช้เป็นทะเบียนปลอม หน้าตาคนร้ายก็ไม่รู้จัก จึงไม่สามารถติดตามคนร้ายได้ตนมองว่า คำตอบนี้ไม่น่าจะออกมาจากปากตำรวจผู้ที่เป็นผู้ช่วยเหลือประชาชน ทำให้ป้าผวา ช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวงกลัวจะโดนทำร้ายอีกครั้ง 

อยากจะฝากถึง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ช่วยส่งชุดสืบสวนมือดี มาจัดการกับคนร้ายกลุ่มนี้ เพราะคนร้ายกลุ่มนี้ เยาะเย้ย กฎหมายมาก และหลักฐานการโอนเงิน ทำร้ายร่างกายก็มีทำไมไม่รีบจัดการ ยังไงตำรวจก็ต้องจัดการให้ได้ อย่าปล่อยให้คนร้ายลอยนวล เดี๋ยวเขาก็ไปทำพฤติกรรมแบบนี้กับคนอื่นอีก หวังว่า ผู้เสียหายจะได้รับความเป็นธรรม เพราะตาปูดบวมหวิดบอด 

จากนั้นนายเอกภพ พาคุณยายวัย 72 ปี เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดีกับตำรวจ สน.โชคชัย โดยมี พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 และ พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผกก.สน.โชคชัย มาร่วมพูดคุยกับคุณยายผู้เสียหาย 

พล.ต.ต.ธนันท์ธร เปิดเผยว่า คดีที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ล่าช้า เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ดำเนินการพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่วันแรกที่คุณยายมาแจ้งความดำเนินคดีแล้ว เพียงแต่ว่าการจะออกหมายจับตัวผู้กระทำความผิดนั้น จะต้องสอบปากคำคุณยายผู้เสียหายอย่างละเอียดก่อน ซึ่งได้นัดคุณยายให้มาสอบปากคำไปแล้วเมื่อวานนี้ แต่คุณยายไม่สะดวกมาพบ จึงจะได้ดำเนินการสอบปากคำในวันนี้อย่างละเอียด เพื่อนำไปสู่การออกหมายจับต่อไป 

โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้ทำความผิดได้แล้ว 3 ราย จากทั้งหมด 4 ราย โดยในวันนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปตรวจสอบผู้กระทำความผิดแล้ว หากพบตัวก็อาจจะเชิญมาให้ข้อมูลหรือรอหมายจับออกก็จะดำเนินการจับกุมดำเนินคดีทันที 

เบื้องต้นจากพฤติการณ์แล้ว สามารถตั้งข้อหาดำเนินคดีได้ 3 ข้อหา ได้แก่ ประกอบกิจการสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต คิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท และใช้ความรุนแรงในการติดตามทวงถามหนี้ ซึ่งมีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ นอกจากนี้หากได้ตัวผู้ทำความผิดแล้วสอบสวนพบว่า ได้กระทำความผิดฐานอื่นอีก ก็จะเพิ่มข้อหาดำเนินคดีต่อไป 

พล.ต.ต.ธนันท์ธร เปิดเผยอีกว่า ขอให้ทางคุณยายผู้เสียหายสบายใจได้ เพราะเนื่องจากสามารถที่จะติดตามตัวผู้ทำความผิดมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ทราบเรื่องแล้ว และได้สั่งการอย่างเร่งรัดให้ดำเนินการคดีนี้อย่างเฉียบขาด เนื่องจากต้องเป็นไปตามโยบายของรัฐบาลในขณะนี้ต้องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่ติดตามทวงหนี้อย่างผิดกฎหมายด้วยความกวดขัน โดยได้สั่งการให้ สน.โชคชัย และทุกท้องที่ใน บก.น.4 ทำข้อมูลตรวจสอบกลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด 

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้กระทำความผิดกลุ่มนี้นั้นเป็นกลุ่มคนนอกพื้นที่ สน.โชคชัยและ บก.น.4 อาจมีความเป็นไปได้ว่า กลุ่มผู้ทำความผิดกลุ่มนี้นั้น มีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง แต่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน หากพบหัวโจกหรือผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ก็เอาผิดอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ ยังไม่พบการแจ้งความของประชาชนเพื่อเอาผิดกลุ่มเจ้าหนี้กลุ่มนี้แต่อย่างใดในท้องที่ สน.โชคชัย

ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัยและ บก.น.4 ได้ดำเนินการวางแผนและเตรียมลงพื้นที่เพื่อไปตรวจสอบและติดตามตัวผู้กระทำความผิดกลุ่มเจ้าหนี้ทั้ง 3 รายที่สามารถพิสูจน์ทราบได้ โดยมีรายงานข่าวว่า 1 ใน 3 ผู้กระทำความผิดที่สามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้นั้น มีประวัติถูกออกหมายจับนอกพื้นที่ สน.โชคชัย ในคดีอื่น ส่วนผู้กระทำความผิดอีก 1 รายนั้นอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล

อ่านข่าวต้นฉบับ:

อมรินทร์ทีวี ทันข่าวได้ที่

เว็บไซต์:www.amarintv.com

เรื่องธุรกิจที่ :ติดตาม SPOTLIGHT มองขาดทุกโอกาสธุรกิจ

2024-07-27T08:28:28Z dg43tfdfdgfd